หากใครที่กำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาตึงกระชับ อ่อนเยาว์ แบบไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด แต่ยังลังเลว่าจะเลือกหัตถการแบบไหนดีระหว่าง โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ซึ่งทั้งสองตัวนี้ ต่างเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ต้องการทำหัตถการให้ผิวหน้าดูเป็นธรรมชาติ แต่ทั้งสองโปรแกรมก็มีจุดเด่นและความแตกต่างกัน ตั้งแต่สารที่ใช้ วิธีการทำงาน ไปจนถึงผลลัพธ์หลังการรักษา บทความนี้จะพาไปเปรียบเทียบแบบละเอียด เข้าใจง่าย เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าหัตถการไหนที่เหมาะกับแต่ละปัญหามากกว่ากัน
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
Toggleโปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra คืออะไร
โปรแกรมจูวีลุค หรือ Juvelook คือ หัตถการฉีดหน้าเพื่อการฟื้นฟูผิวโดยใช้สารประกอบ Polylactic Acid (PLA) ผสมกับ Hyaluronic Acid (HA) โดยจุดเด่นของ โปรแกรม Juvelook คือ การฟื้นฟูผิวสองระดับ ทั้งช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าในระยะยาวจาก PLA และการเติมเต็มผิวจาก HA เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก รูขุมขนกว้าง ผิวหมอง ไม่เรียบเนียน หรือมีหลุมสิวตื้น ๆ
โปรแกรมสครับต้า หรือ Sculptra คือ หัตถการฉีดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วยสาร Poly-L-Lactic Acid (PLLA) โดยที่โปรแกรม Sculptra ไม่ใช่สารเติมเต็มชทั่วไป แต่จะกระตุ้นให้ผิวค่อย ๆ สร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองในระยะเวลา 1-3 เดือนหลังฉีด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว ช่วยเติมเต็มใบหน้าที่เริ่มขาดวอลุ่มจากอายุที่เพิ่มขึ้น ลดความหย่อนคล้อย และเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ช่วยเรื่องอะไร?
ในยุคที่การฟื้นฟูผิวแบบไม่ต้องผ่าตัดได้รับความนิยมสูง หัตถการกลุ่มฉีดกระตุ้นคอลลาเจนเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการผิวอิ่มฟู ช่วยลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูผิวโทรม และยกกระชับหน้าแบบดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งสารเติมเต็ม ซึ่งโปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ช่วยเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวแน่นขึ้นจากภายใน ผิวดูอิ่มฟู เต่งตึงขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ
- ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก เช่น ร่องแก้ม มุมปาก และริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า ให้ค่อย ๆ ตื้นขึ้น
- ปรับสภาพผิวโดยรวมให้ดูละเอียด กระชับ และสดใสขึ้น ช่วยเรื่องรูขุมขนกว้าง ผิวหมองคล้ำ และความหย่อนคล้อย
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เพราะไม่ใช่การเติมสารให้ฟูทันที แต่เป็นการฟื้นฟูผิวจากกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ฉีดจุดไหนได้บ้าง?
การฉีดโปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ฉีดตรงไหนได้บ้าง? มีหลายบริเวณที่ทั้งสองหัตถการสามารถทำได้เหมือนกัน แต่ก็มีบางจุดที่เหมาะกับอีกโปรแกรมมากกว่า โดยที่บริเวณที่ฉีดเหมือนกันได้ ได้แก่ หน้าผาก, ขมับ, ร่องแก้ม, ร่องมุมปาก, แก้มตอบ, กรอบหน้า, คาง, ลำคอ, เนินอก แต่บริเวณใต้ตาหรือบริเวณรอบดวงตา โปรแกรม Juvelook จะเหมาะกว่า เนื่องจากมี HA ผสม ซึ่งช่วยเติมน้ำให้ผิวโดยไม่เสี่ยงบวมหรือเป็นก้อน
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra เหมาะกับใคร?
สำหรับผู้ที่มองหาทางเลือกในการฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติ โปรแกรม Juvelook และโปรแกรม Sculptra คือสองโปรแกรมที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน ช่วยให้ผิวแน่น ฟู ละเอียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละโปรแกรมเหมาะกับใครบ้าง มีดังนี้
โปรแกรม Juvelook เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีรอยสิว หลุมสิว
- ผู้ที่ต้องการผิวกระจ่างใส ดูสุขภาพดี
- ผู้ที่มีปัญหาผิวบาง แพ้ง่าย
โปรแกรม Sculptra เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีใบหน้าตอบ ขาดวอลลุ่ม
- ผู้ที่มีร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยตามวัย
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจน
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง อยู่ได้นานไหม?
โปรแกรม Juvelook แนะนำให้ฉีดต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันทุก 4 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องและฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ดูอิ่มฟู หลังจากครบคอร์สจะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่โปรแกรม Sculptra ฉีดกี่ครั้ง คำตอบคือ ควรฉีดต่อเนื่องประมาณ 2–3 ครั้ง โดยเว้นช่วงห่างกันทุก 4–6 สัปดาห์ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นชัดขึ้นในช่วง 2–3 เดือนหลังฉีด เนื่องจากเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนลึกจากภายในแบบค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อสร้างคอลลาเจนได้เต็มที่แล้ว จะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตและปัจจัยเฉพาะบุคคล
เปรียบเทียบโปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra วิธีการฉีดและผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ทั้งสองโปรแกรมมีจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้หลังการฉีดก็จะแตกต่างกันตามไปด้วย โดยความแตกต่างของทั้งสองโปรแกรมมีดังนี้
วิธีการฉีดโปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra
โปรแกรม Juvelook ใช้เทคนิคการฉีดแบบ microdroplet ฉีดกระจายเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า เป็นการผสานระหว่าง PDLLA + HA จึงช่วยให้ผิวดูฉ่ำฟู เหมาะกับการฉีดในบริเวณผิวบาง เช่น ใต้ตา ใต้ตาไม่บวม ไม่เป็นก้อน ในขณะที่โปรแกรม Sculptra ใช้การฉีดเป็นจุดเฉพาะในชั้นลึกของผิว (deep dermis) โดยเน้นบริเวณที่ต้องการกระตุ้นการยกกระชับ เช่น ร่องแก้ม กรอบหน้า มักใช้เข็มปลายทู่เช่นกัน แต่ปริมาณที่ฉีดจะมากกว่าต่อจุดเมื่อเทียบกับโปรแกรม Juvelook
ผลลัพธ์ที่ได้จากโปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra
โปรแกรม Juvelook จะเห็นผลเรื่องผิวฉ่ำน้ำ ใส ฟู เร็วกว่าภายใน 1–2 สัปดาห์ ช่วยเรื่องรูขุมขน ผิวเนียนละเอียด และรอยหลุมสิวได้ดี ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเน้นความดูเป็นธรรมชาติ ในขณะที่โปรแกรม Sculptra จะเห็นผลชัดในช่วง 2–3 เดือน เพราะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนลึก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย ร่องลึก และต้องการยกกระชับ ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า และผิวแน่นกระชับจากภายใน
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ราคาเท่าไหร่
หากสงสัยว่าระหว่างโปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ราคาไหนถูกหรือแพงกว่า? โปรแกรม Juvelook ราคาโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 9,900–18,000 บาทต่อการฉีด 1 ครั้ง และโปรแกรมฉีด Sculptra ราคาโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 25,000–35,000 บาทต่อขวด โดยการทำหัตถการ 1 ครั้ง มักใช้ประมาณ 1–3 ขวดต่อครั้ง ก็จะมีราคารวมอยู่ที่ประมาณ 30,000–100,000 บาท ขึ้นกับจำนวนที่ใช้
ทั้งนี้ราคานี้เป็นราคาทั่วไป ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ ในแต่ละคลินิก หากต้องการทราบราคาที่แน่นอน โปรดสอบถามเพิ่มเติมอีกครั้ง
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra ทำพร้อมกันได้ไหม?
โปรแกรม Juvelook และโปรแกรม Sculptra สามารถทำพร้อมกันได้ในบางเคส โดยแพทย์อาจเลือกใช้เทคนิคผสมผสาน (Hybrid Technique) เพื่อเสริมผลลัพธ์ในหลายมิติ เช่น ฉีดโปรแกรม Juvelook ในบริเวณผิวบางที่ต้องการความฉ่ำฟู เช่น ใต้ตา หรือผิวหน้าส่วนบน ส่วนโปรแกรม Sculptra ใช้บริเวณที่ต้องการความกระชับลึก เช่น กรอบหน้า หรือแก้มตอบ อย่างไรก็ตามการทำพร้อมกันต้องอยู่ภายใต้การประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์ เพื่อป้องกันการกระตุ้นคอลลาเจนที่ซ้ำซ้อนหรือมากเกินไป
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra แบบไหนเจ็บกว่า?
ทั้งโปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra เป็นหัตถการที่ใช้เข็มปลายทู่ (cannula) และมีการแปะยาชาก่อนทำ จึงช่วยลดความรู้สึกเจ็บได้อย่างมาก ความรู้สึกระหว่างทำมักจะเป็นเพียงความรู้สึกตึง ๆ หรืออุ่นเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไป โปรแกรม Juvelook เจ็บน้อยกว่า เนื่องจากฉีดเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายทั่วผิว และปริมาณสารที่ฉีดต่อจุดน้อย แต่โปรแกรม Sculptra อาจรู้สึกแน่นหรือเจ็บมากกว่าเล็กน้อยในบางจุด เพราะฉีดในชั้นผิวที่ลึกกว่าและปริมาณต่อจุดมากกว่า
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra เลือกทำแบบไหนดี?
โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra เลือกแบบไหนดี? การเลือกทำหัตถการทั้ง 2 ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาผิว และผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยถ้ามีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวไม่ละเอียด ผิวแห้งโทรม หรือมีรอยหลุมสิว ต้องการให้ผิวฉ่ำวาวแบบเกาหลี เห็นผลเร็วและดูเป็นธรรมชาติ โปรแกรม Juvelook จะตอบโจทย์กว่า
แต่ถ้ามีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ร่องลึก หรือแก้มตอบ ต้องการยกกระชับผิวหน้าให้แน่นขึ้น และอยากได้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ค่อนข้างนาน โปรแกรม Sculptra จะตอบโจทย์กว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด ควรเข้ารับการประเมินโดยแพทย์ก่อนตัดสินใจ
สรุป โปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra เลือกฉีดตัวไหนดี
ทั้งโปรแกรม Juvelook vs โปรแกรม Sculptra เป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาอิ่มฟู ดูอ่อนเยาว์ขึ้น อย่างดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งสารเติมเต็มแบบโปรแกรมฟิลเลอร์ แต่ละโปรแกรมมีจุดเด่นเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม การเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมที่สุดควรผ่านการประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เหมาะกับสภาพผิว และตรงกับความต้องการมากที่สุด
หากสนใจโปรแกรมฉีดหน้าใสที่ APEX Beauty สามารถจองคิวเพื่อสอบถามและปรึกษากับแพทย์ของเรา หรือใครที่มีข้อสงสัยและคำถามเพิ่มเติม สามารถทักเข้ามาสอบถามได้เลยค่ะ
ช่องทางการติดต่อ
- Tel : 080 500 0123
- Line : https://lin.ee/mDmt5oV
- IG : apexbeauty
- Tiktok : apexprofoundbeauty
- Youtube : Apex.beautyclinic
- X : ApexProfound
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
*ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับสาขาทองหล่อเท่านั้น
อ้างอิง
Drugs.com. (2024). Sculptra. https://www.drugs.com/sculptra.html
Kins Clinic. (n.d.). Juvelook: Everything You Need to Know About side effects. https://www.kins-clinic.com/blogs/juvelook-everything-you-need-to-know-about-side-effects
Pai, D. (2023, November 2). Sculptra Aesthetic: What you need to know. Realself. https://www.realself.com/nonsurgical/sculptra-aesthetic




