ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ฉีดยี่ห้อไหนดีให้เหมาะกับเรา?
ปัญหาผิวบริเวณใต้ตา เป็นปัญหาที่หลาย ๆ คนมองหาทางแก้ ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก หรือถุงใต้ตา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ประกอบกันจนกลายเป็นตาหมีแพนด้า วันนี้ Apex ขอนำเสนอ “ฟิลเลอร์ใต้ตา” หัตถการสุดฮิตที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เราจะมาดูกันว่าฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ฉีดใต้ตาราคาเท่าไร บวมกี่วัน? รวมถึงแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์และวิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ทำหัตถการ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
อ่านหัวข้ออื่นๆเพิ่มเติม
ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร ทำไมคนถึงชอบฉีดใต้ตา ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-Eye Filler) คือ การฉีดสารเติมเต็มใต้ผิวบริเวณใต้ตาเพื่อช่วยลดร่องลึก รอยคล้ำ และถุงใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น มีคุณสมบัติคล้ายกับ Radiesse แต่ต่างกันตรงที่สารในฟิลเลอร์มักเป็นสารชนิด “กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid)” ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเติมเต็มผิวได้เป็นอย่างดี
สาเหตุของปัญหาใต้ตาคล้ำเกิดจากอะไร ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ได้ยังไง?
ปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาหมีแพนด้า รวมถึงร่องใต้ตาลึก เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งมีองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สามารถทำให้เกิดใต้ตาคล้ำได้ ดังนี้
- กรรมพันธุ์ ลักษณะทางพันธุกรรมเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา
- การขาดการนอนหลับ ส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานไม่เต็มที่ และทำให้เกิดรอยคล้ำได้
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ผิวใต้ตาจะบางลงและสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เห็นรอยคล้ำและริ้วรอยชัดเจน
- การไหลเวียนเลือดบริเวณรอบดวงตาไม่ดี ทำให้เกิดการสะสมของเม็ดเลือดแดงและส่งผลให้ดูคล้ำ
- ภาวะภูมิแพ้ ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้มักจะมีการขยี้ตาบ่อย ๆ ซึ่งอาจทำให้รอยคล้ำชัดเจนขึ้น
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำและทำให้ใต้ตาคล้ำ
- แสงแดด การโดนแสงแดดโดยไม่ได้ทาครีมกันแดด ทำให้เม็ดสีเมลานินใต้ตาเข้มขึ้น เกิดเป็นรอยคล้ำจากการสะสมของเม็ดสี
ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้สามารถแก้ได้โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยการที่กรดไฮยาลูโรนิกในฟิลเลอร์จะเข้าไปทำปฏิกิริยาในการเติมเต็มร่องลึกใต้ตา รวมถึงสามารถทำให้ผิวบริเวณใต้ตามีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น ทำให้รอยคล้ำใต้ตาแลดูจางลง
ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร เหมาะกับปัญหาแบบไหน ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ปัญหาได้ในหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงการเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยผู้ที่เหมาะในการฉีดฟิลเลอร์บริเวณดังกล่าว มีลักษณะดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตา
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกใต้ตา
- ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา หรือใต้ตาบวมเล็กน้อย
- ผู้ที่มีปัญหาผิวบางและเส้นเลือดใต้ตาชัดเจน
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาใต้ตาโดยไม่ต้องผ่าตัด
ซึ่งปัญหาแต่ละรูปแบบก็มีวิธีในการแก้ปัญหาไม่เหมือนกัน ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ทางด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยของผู้รับการฉีด
ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาเรื่องใดบ้าง ?
จากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตา สามารถแก้ได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยปัญหาแต่ละรูปแบบนั้น ฟิลเลอร์จะมีกลไกในการเข้าไปแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา โดยเป็นการลดเงาที่เป็นสาเหตุของรอยคล้ำใต้ตา
- ปรับสมดุลผิวรอบดวงตาให้เรียบเนียนขึ้น
- เติมเต็มพื้นที่รอบถุงใต้ตาให้เสมอกัน ช่วยลดปัญหาถุงใต้ตาหรือตาบวมได้
- เพิ่มความหนาของชั้นผิว ทำให้เส้นเลือดใต้ผิวดูจางลง
ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม มีมาตรฐานหรือไม่ ?
โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสารที่ไม่มีความอันตราย แต่ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดจะต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา (อย.) รวมไปถึงการทำหัตถการในคลินิกที่มีการรับรองมาตรฐาน และฉีดโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์นั้น จะสามารถทำได้มั่นใจได้ว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดมีความปลอดภัย และไม่เป็นอันตราย
รวมข้อดี-ข้อจำกัดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ข้อดี
- ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วหลังฉีด ลดรอยคล้ำได้โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
- เป็นวิธีแก้ปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้มีความเสี่ยงน้อยกว่าการทำศัลยกรรม
- ปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์ โดยทำให้ใต้ตาดูสดใส อ่อนเยาว์และสดชื่นขึ้น
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวใต้ตา ทำให้ดูอิ่มฟูและเนียนใสขึ้น
- มีความปลอดภัยสูง เมื่อผ่านการรับรองจากอย. และมีแพทย์เป็นผู้ทำหัตถการ
ข้อจำกัด
- ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร โดยจะสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
- มีความเสี่ยงจากการฉีดที่ไม่ถูกต้อง หากฟิลเลอร์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน
- ทำให้เกิดอาการบวม โดยเฉพาะในบางคนที่มีผิวแพ้ง่าย ซึ่งหลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า การฉีด Filler ใต้ตาบวมกี่วัน คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวบางมากเกินไปหรือมีถุงใต้ตาขนาดใหญ่
- มีราคาค่อนข้างสูง หากใช้ฟิลเลอร์ที่มีมาตรฐาน
จากข้อดีและข้อจำกัดต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าการฉีดฟิลเลอร์ที่ใต้ตามีข้อดีมากมาย แต่อาจมีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับทุกคน ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำหัตถการก่อนตัดสินใจทำหัตถการ
ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง ?
ฟิลเลอร์ใต้ตาโดยทั่วไปจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้, การดูแลหลังฉีด, พฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังฉีด รวมถึงสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดหลังจากฉีดฟิลเลอร์ก็คือ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้คงทนและยาวนานมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ?
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้ปริมาณ 0.5-1 ซีซี โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่
- ลักษณะปัญหาของแต่ละคน หากมีปัญหาที่ชัดเจนหรือหนักมาก อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มา
- โครงสร้างของใบหน้าแต่ละคน คนที่มีผิวบริเวณใต้ตาหนากว่า อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากกว่า
- ความต้องการของผลลัพธ์ โดยหากต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ อาจใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่น้อยลง
ประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้ โดยฟิลเลอร์ที่ความเข้มข้นสูงกว่าจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่น้อยกว่า
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับเรา ?
การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละคนก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
Juvederm
เป็นฟิลเลอร์จากบริษัท Allergan ของสหรัฐอเมริกา ใช้กรดไฮยาลูโรนิกที่มีคุณภาพสูงและมีความคงทนในระยะเวลานาน รุ่นที่นิยมสำหรับใต้ตาคือ Juvederm Volbella และ Juvederm Volift ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและเป็นธรรมชาติ
Restylane
ผลิตจากบริษัท Galderma ในสวีเดน เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูงและมีหลากหลายรุ่นให้เลือก โดยรุ่นที่เหมาะสำหรับใต้ตาคือ Restylane Silk หรือ Restylane Refyne ซึ่งมีคุณสมบัติบางเบาและอ่อนโยน ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
Belotero
ฟิลเลอร์จากบริษัท Merz ในเยอรมนี มีเนื้อฟิลเลอร์ที่ละเอียดและบางเบา ทำให้เข้ากับผิวใต้ตาได้ดี รุ่นที่แนะนำสำหรับใต้ตาคือ Belotero Balance ซึ่งช่วยให้ผิวเรียบเนียนและไม่เห็นเป็นก้อนหรือเป็นคลื่น
ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ แพงไหม?
Filler ใต้ตาในแต่ละยี่ห้อนั้น มีราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดใต้ตาที่ Apex จะมีราคาประมาณ 20,000 บาทต่อซีซี แต่ตอนนี้มีโปรโมชันอยู่ที่ 12,900 บาทต่อซีซี สามารถทักเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้
ผลข้างเคียงที่อาจพบหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีวิธีรับมือยังไง ?
โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีผลข้างเคียงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลตัวเองหลังฉีดของแต่ละคน ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีดังนี้
- อาการบวมและช้ำ เป็นอาการที่พบบ่อยและเกิดขึ้นจากการแทงเข็มลงไปในผิว ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้
- รอยแดงหรืออาการระคายเคือง อาจเกิดจากการที่ผิวมีปฏิกิริยาต่อเข็มหรือฟิลเลอร์ โดยอาการนี้จะหายได้เองในไม่กี่วันหลังฉีด
- อาการคันหรือรู้สึกไม่สบายบริเวณที่ฉีด อาจเกิดจากปฏิกิริยาของผิวหนังที่ตอบสนองต่อฟิลเลอร์ แต่หากอาการคันหรือเจ็บมีความรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์
- การเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์อาจเคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิม ทำให้เกิดลักษณะเป็นก้อนหรือทำให้ใต้ตาดูไม่สม่ำเสมอ
- การอุดตันหลอดเลือด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง หากฟิลเลอร์เข้าสู่หลอดเลือดอาจทำให้เลือดไม่ไหลเวียนในบริเวณนั้น เกิดการตายของเนื้อเยื่อ หรือลุกลามไปถึงการสูญเสียการมองเห็น
เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ปลอดภัยได้ยังไง ?
- ตรวจสอบคลินิกและแพทย์ที่มีมาตรฐานก่อนตัดสินใจทำหัตถการ
- หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้เลือดบาง เช่น แอสไพริน และ NSAIDs อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
- งดดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- งดการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายสูบฉีด
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารเคมีเข้มข้น 2-3 วันก่อนฉีด
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว หรือแพ้สารใด ๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ขอแพทย์ตรวจสอบขวดฟิลเลอร์ เพื่อให้มั่นใจในฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด
การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ผลลัพธ์อยู่นานขึ้น
- ประคบเย็นเบา ๆ เพื่อลดอาการบวมในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการกดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
- งดการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และการกินอาหารรสจัดหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักและแสงแดดจัดในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
- งดการทำหัตถการที่ต้องใช้ความร้อน เช่น การเลเซอร์ อย่างน้อย 1 เดือน หลังฉีด
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเรตินอลหรือกรดผลไม้เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำและทำงานได้ดีขึ้น
- กลับไปเติมฟิลเลอร์ใต้ตาตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน มีสาเหตุเกิดจากอะไร สามารถแก้ได้ยังไง?
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บางคนอาจมีก้อนนูนขึ้นมาบริเวณใต้ตา ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุและหลายปัจจัยที่ทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน โดยสาเหตุที่เป็นไปได้ มีดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไป หากฉีดฟิลเลอร์มากเกินความจำเป็น อาจทำให้เกิดการสะสมเป็นก้อนใต้ผิวหนัง
- การกระจายตัวของฟิลเลอร์ไม่สม่ำเสมอ เทคนิคการฉีดที่ไม่เหมาะสม หรือการฉีดไม่ลึกพอ อาจทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่ดีและเกิดเป็นก้อน
- การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมต่อร่างกาย ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์ที่ผิดประเภทในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจทำให้เกิดก้อนใต้ตาได้
- การเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ การกดหรือนอนกดทับบริเวณใต้ตาหลังฉีด อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิมและเกิดเป็นก้อน
- คุณภาพของฟิลเลอร์ หากใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอม อาจเสี่ยงต่อการเกิดก้อนและไม่กระจายตัวดี
- ปฏิกิริยาของร่างกายต่อฟิลเลอร์ ในบางกรณี ร่างกายอาจตอบสนองต่อฟิลเลอร์ด้วยการสร้างพังผืดหรือก้อนแข็งขึ้นมาได้
ซึ่งการที่ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนนั้น สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้ โดยการนวดเบา ๆ บริเวณที่ฉีดเป็นประจำ แต่หากไม่ดีขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการและรักษาในขั้นตอนต่อไป
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ?
ควรเลือกฉีดกับแพทย์ทางด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ รวมถึงอยู่ภายใต้คลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและเชื่อถือได้ ซึ่ง Apex เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตาทำให้ตาบอดจริงไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถทำให้ตาบอดได้ หากฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในหลอดเลือดที่เชื่อมต่อกับตา อย่างไรก็ตาม โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก หากฉีดกับแพทย์เฉพาะทาง
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่แพทย์มักใช้ยาชาหรือฟิลเลอร์ที่มียาชาผสมเพื่อลดความเจ็บ ทำให้รู้สึกสบายขึ้นในระหว่างทำ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดเสร็จ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและสมบูรณ์จะปรากฏภายใน 1-2 สัปดาห์ เมื่ออาการบวมและช้ำลดลง อย่างไรก็ตามการที่จะให้ผลลัพธ์อยู่คงทน จะต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดหลังฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา VS เติมไขมันใต้ตาแบบไหนดีกว่า ?
การเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหรือเติมไขมันใต้ตาขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะของแต่ละบุคคล โดยฟิลเลอร์จะเห็นผลหลังฉีด โดยไม่ต้องพักฟื้น แต่อาจต้องฉีดซ้ำเนื่องจากผลลัพธ์จะไม่คงทน ในขณะที่การเติมไขมันใต้ตา จะให้ผลลัพธ์ที่คงทนกว่า โดยเป็นการใช้ไขมันตนเอง แต่อาจจะต้องมีการผ่าตัดและพักฟื้น
สรุป ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาดีไหม ? เลือกฉีดใต้ตาที่ Apex
เมื่อทุกคนได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าฟิลเลอร์ใต้ตามีทั้งข้อดี ข้อจำกัด และผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งทุกคนสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ไปใช้ในการตัดสินใจได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจะทำหัตถการใด ๆ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางและคลินิกที่ได้มาตรฐาน
Apex Beauty Clinic เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เนื่องจาก Apex เป็นคลินิกความงามชั้นนำของไทยและเอเชีย โดยเรามีแพทย์ในการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ อีกทั้งผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Apex ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากอย.ไทย ซึ่งปัจจุบัน Apex มีมากกว่า 50 สาขา หากใครสนใจที่จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือทำหัตถการอื่น ๆ สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ของเราได้ทุกสาขา หรือสามารถทักเข้ามาสอบถามผ่าน Line OA ของ Apex ได้เช่นกันค่ะ แล้วพบกันนะคะ
อ้างอิง
American Academy of Dermatology. (n.d.). Provides in-depth information on skincare, filler treatments, and dermatological advice. https://www.aad.org
Mayo Clinic. (n.d.). Offers medical insights on fillers, cosmetic procedures, and health care advice.
American Society of Plastic Surgeons. (n.d.). A trusted source for information on plastic surgery
and fillers, including under-eye treatments. https://www.plasticsurgery.org
Harvard Health Publishing. (n.d.). Features articles on medical treatments, fillers, and skincare
research. https://www.health.harvard.edu
Cleveland Clinic. (n.d.). Known for reliable health information, including filler treatments and Aftercare tips. https://my.clevelandclinic.org