ปัจจุบันนี้การ “ฉีดฟิลเลอร์” ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นทุกคนต้องรู้จักหรืออย่างน้อยก็เคยได้ยินได้ฟังผ่านหูมาบ้าง เหตุที่ฟิลเลอร์แพร่หลาย เนื่องจากพอฉีดเข้าสู่ชั้นผิวแล้ว สามารถแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกร่องตื้น ช่วยเพิ่มความกระชับ ปรับแต่งรูปหน้า เติมริมฝีปาก ยกแก้ม ยกคิ้ว และอีกหลากหลายได้อย่างครอบคลุม ที่สำคัญคือเห็นผลลัพธ์ทันใจไม่ต้องรอ แถมไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นเหมือนการทำศัลยกรรมด้วย
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
Toggleแน่นอนว่าปัญหาริ้วรอย ถุงใต้ตา ใต้ตาดำคล้ำ ริมฝีปากไม่สวย หรืออื่น ๆ ย่อมไม่ได้เกิดเฉพาะในคนอายุมากแล้วเท่านั้น ในคนอายุน้อย ๆ ก็หนีไม่พ้นปัญหาเหล่านี้เช่นกัน เหตุนี้หลายคนจึงอยากทราบว่า อายุเท่าไหร่จึงควรเริ่มฉีดฟิลเลอร์? และจะเหมาะสมหรือไม่ถ้าฉีดตั้งแต่อายุยังน้อย ตามมาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยค่ะ
ฟิลเลอร์คืออะไร ?
ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง ซึ่งส่วนประกอบหลักก็คือกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า HA มีคุณสมบัติช่วยอุ้มน้ำ มอบความชุ่มชื้นแก่ผิวและชั้นผิว อีกทั้งยังเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว หลังฉีดเข้าสู่ผิวจะไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ แต่จะค่อย ๆ สลายตัวเองโดยสมบูรณ์ ซึ่งฟิลเลอร์ชนิด HA ผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้งทาง FDA และอย. ไทย จึงมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ
ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ ช่วยให้ผิวเต่งตึง กระชับ เปล่งปลั่ง ใช้ฉีดเพื่อปรับรูปหน้า หรือรูปริมฝีปากก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถแก้สารพัดปัญหารอบดวงตา และช่วยให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น โดยเนื้อของฟิลเลอร์แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เนื้อนิ่ม และเนื้อละเอียด ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหา และช่วยประเมินให้ว่าควรฉีดเนื้อฟิลเลอร์แบบใดกับบริเวณไหน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ ควรเริ่มตอนอายุเท่าไหร่
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าการฉีดฟิลเลอร์เหมาะแค่กับคนที่มีอายุมาก เนื่องจากฟิลเลอร์มีชื่อเสียงด้านการช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ ทว่าอีกคุณสมบัติเด่น ๆ ของฟิลเลอร์ก็คือ ฉีดเพื่อปรับจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าให้ดีขึ้น ให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นหรือสมบูรณ์ขึ้น เช่น เติมใบหน้าให้อิ่มเต็ม แก้ขมับตอบ แก้มตอบ แก้ใบหน้าสองข้างไม่เท่ากัน แก้ริมฝีปากเบี้ยว ปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม และแต่งเป็นทรงที่ต้องการ ทั้งยังช่วยให้ริมฝีปากลับมาฉ่ำวาว ลดปากดำคล้ำ ทั้งนี้หากฉีดรอบดวงตา ก็จะช่วยแก้ได้ทั้งใต้ตาดำคล้ำ ถุงใต้ตา ตาลึกโหล หรือหางตาตก เป็นต้น
โดยทั่วไปไม่มีการกำหนดตายตัวว่าฟิลเลอร์ควรฉีดที่อายุเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ปัญหาต่าง ๆ ที่แก้ได้ด้วยฟิลเลอร์ ไม่ได้เกิดเฉพาะในคนอายุมาก ดังนั้นหากใครที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วต้องการฉีดฟิลเลอร์ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อนค่ะ
อายุมากแล้วฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม
แน่นอนว่าต่อให้อายุเข้าเลข 5 หรือเลข 6 แล้วก็ยังสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ ค่ะ เพราะส่วนประกอบของฟิลเลอร์คือกรดไฮยารูลอนิก ที่สามารถสลายตัวได้เองโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ซึ่งฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกร่องตื้น แก้ปัญหาผิวเหี่ยวย่นให้กลับมาตึงกระชับได้ดี ในคนที่อายุมากแล้วจึงเหมาะเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอีกหลายปีทีเดียวค่ะ
ฟิลเลอร์มี่กี่ประเภท ?
ในปัจจุบันฟิลเลอร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันค่ะ
- ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler) เป็นสารเติมเต็มที่ผลิตจากธรรมชาติ ซึ่งก็คือกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic acid) หรือ HA ซึ่งเป็นชนิดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันค่ะ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย หลังฉีดแล้วสามารถคงผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้
- ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler) เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อให้เข้ากันกับเนื่อเยื่อในชั้นผิวได้ โดยทั่วไปสามารถอยู่ได้นานกว่าชนิดชั่วคราว ตั้งแต่ 2 – 5 ปี เนื่องจากคงตัวในชั้นผิวได้ดีกว่า ทว่ามีความปลอดภัยน้อยกว่าชนิดชั่วคราว เนื่องจากไม่สามารถสลายได้หมด จึงอาจยังมีสารตกค้างอยู่ในชั้นผิว ซึ่งมักเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน หรืออาการอักเสบตามมา
- ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent filler) หรือซิลิโคนเหลว เมื่อฉีดเข้าไปจะมอบผลลัพธ์อย่างถาวร และไม่สามารถสลายตัวเองได้ จึงขัดขวางผิวไม่ให้สามารถดูดซึมสารอาหาร ซึ่งจะก่อให้เกิดสารตกค้างในระยะยาว หากเกิดปัญหาต้องให้แพทย์ทำการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น โดยฟิลเลอร์ชนิดนี้นับว่าอันตราย และไม่ผ่าน อย.ไทยค่ะ
ฟิลเลอร์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?
- ฟิลเลอร์หน้าผาก ช่วยเติมหน้าผากแบน หรือไม่มีมิติให้ดูนูนสวยได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น
- ฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถแก้ปัญหารอบดวงตาได้หลากหลาย ทำให้เบ้าตาที่ลึกดูตื้นขึ้น ถุงใต้ตากระชับขึ้น รอยเหี่ยวย่นรอบ ๆ หรือรอยดำคล้ำรอบดวงตาทั้งจากกรรมพันธุ์ การนอนดึกบ่อย ๆ หรือเพราะโรคภูมิแพ้ก็ช่วยได้เช่นกันค่ะ
- ฟิลเลอร์คาง ช่วยปรับรูปคางให้ดูดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะคางเบี้ยว คางสั้น คางบุ๋ม หรือไม่สมมาตร
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม สามารถแก้ปัญหาร่องแก้มได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งฟิลเลอร์จะทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้น ดูอ่อนวัยขึ้น
- ฟิลเลอร์แก้มตอบ ในคนที่แก้มตอบอาจทำให้หน้าดูโทรม และมีอายุมากกว่าปกติ หรือในคนที่โหนกแก้มดูใหญ่และเด่น ฟิลเลอร์ก็สามารถช่วยให้รูปหน้าดูมีมิติและอิ่มเต็มยิ่งขึ้น พร้อมทำให้กระเปาะแก้มดูยกกระชับขึ้นอีกด้วยค่ะ
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม หรือการยกกระชับช่วงหน้าแก้ม จะทำให้หน้าแก้มมีมิติได้สัดส่วน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้ยังช่วยยกกระชับใบหน้าขึ้นได้อีกด้วย
- ฟิลเลอร์ขมับ เมื่อมีปัญหาขมับตอบอาจทำให้ทั้งใบหน้าดูโทรมได้ ซึ่งอาจส่งผลให้โหนกแก้มเด่นชัดขึ้น และมีปัญหาคิ้วตก หางตาตก เมื่อเติมขมับจะช่วยเสริมให้ใบหน้าละมุนมากขึ้น
- ฟิลเลอร์จมูก ช่วยปรับให้สันจมูกดูเรียบเนียน เป็นทรงสวย ดูโด่งขึ้น ปลายจมูกเชิดขึ้น แต่ไม่สามารถโด่งมากได้เท่าการทำศัลยกรรมจมูก
- ฟิลเลอร์ปาก เป็นอีกจุดที่ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลาย เด่น ๆ คือช่วยเติมให้ปากดูหนาอวบอิ่มขึ้น หรือปรับรูปทรงริมฝีปากให้ได้ทรงและสัดส่วนตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาปากดำคล้ำ และปากแห้งแตกลอกเป็นขุยให้กลับมาฉ่ำวาว และเรียบเนียนยิ่งขึ้น
- ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก หรือริ้วรอยบริเวณมุมปาก จะช่วยเติมและยกมุมปากตกให้ดูยิ้มขึ้นได้ ทั้งยังช่วยยกกระชับช่วงแก้มและบริเวณอื่นบนใบหน้าให้ดีขึ้นได้ด้วย
- ฟิลเลอร์กรอบหน้า ในคนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด สันกรามไม่คม หรือแก้มล่างหย่อนคล้อย การฟิลเลอร์กรอบหน้าจะช่วยปรับให้สันกราม และกรอบหน้าดูคมชัดขึ้น ใบหน้าสมมาตรกว่าเดิม และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- แก้ไขได้ทั้งปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก รอยเหี่ยวย่น ความหย่อนคล้อย รวมถึงปรับรูปหน้า และจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องทำศัลยกรรม เจ็บตัวน้อย
- เห็นผลลัพธ์หลังฉีดทันที
- เติมได้ ลดได้ และสลายได้ หากไม่พอใจในผลลัพธ์ สามารถให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญลดหรือฉีดเพิ่ม และฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้อย่างปลอดภัย
- มีความปลอดภัยสูง ฟิลเลอร์ชนิด HA มีสารประกอบหลักที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย ไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้ สลายตัวเองได้ตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง