หลังฉีดฟิลเลอร์ ดูแลตัวเองอย่างไร เพิ่มความมั่นใจในระยะยาว

admin

หลังฉีดฟิลเลอร์ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างอาการปวด บวมแดง หรือมีรอยช้ำจากเข็ม ซึ่งการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ไว ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ทั้งยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของฟิลเลอร์ได้ ดังนั้นบทความนี้ Apex Beauty จึงมีวิธีดูแลตัวเอง ข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler รวมถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับหลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามอะไรบ้าง เพื่อเสริมความมั่นใจให้ทุกคนในระยะยาวได้มากขึ้น

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ ที่ไม่ควรมองข้าม

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างการไม่จับ ไม่กด หรือเลือกทานอาหารให้เหมาะสม ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เต็มที่ ลดความเสี่ยงต่อการอักเสบและผลข้างเคียงจากภาวะแทรกซ้อน ทั้งยังช่วยให้ฟิลเลอร์คงผลลัพธ์ได้ยาวนาน มีทรงสวยตามต้องการ ลดความผิดพลาดที่ทำให้ต้องฉีดสลายฟิลเลอร์ โดยจะประกอบไปด้วยหลายวิธี ดังนี้

หลีกเลี่ยงการสัมผัสหลังฉีดฟิลเลอร์

การสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อาจทำให้เกิดปัญหาที่คาดไม่ถึงตามมาได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อ อักเสบ หรือส่งผลต่อรูปทรงหลังเติมฟิลเลอร์ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสในบริเวณต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : การสัมผัสบริเวณใต้ตา ซึ่งมีความบอบบาง อาจทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเคลื่อนที่หรืออักเสบได้ง่าย
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก : เพื่อป้องกันการอักเสบหลังฉีดฟิลเลอร์ปากจึงมีข้อห้ามให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปาก กัดปาก หรือขยับปากมากเกินไป
หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม : ช่วยให้ฟิลเลอร์กระจายตัวสม่ำเสมอ คงรูปทรงจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มได้ดีขึ้น
หลังฉีดฟิลเลอร์คาง : หลังจากฉีดฟิลเลอร์คางมีข้อห้ามให้หลีกเลี่ยงการเท้าคาง หรือพฤติกรรมที่กดทับบริเวณคาง เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์คางเคลื่อนที่ ลดการอักเสบหรือบวมช้ำ
หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ : การเลี่ยงสัมผัส แกะ หรือเกา เป็นข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ขมับที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอของฟิลเลอร์ขมับ โดยเฉพาะขณะนอน หรือนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง
หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก : ลดโอกาสการเกิดริ้วรอย ลดการอักเสบ หรือการที่ฟิลเลอร์หน้าผากจับตัวเป็นก้อน
หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก : ช่วยป้องกันไม่ให้จมูกเสียรูปทรง ให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์จมูกสวยตามต้องการ ลดการอักเสบ และการติดเชื้อ
หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม : ไม่ควรสัมผัส หรือนวดแก้ม เพื่อให้ฟิลเลอร์แก้มส้มคงตัวและกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ลดอาการบวมช้ำ
หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ : หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง ซึ่งอาจทำให้ผิวถูกกดทับ ส่งผลให้ฟิลเลอร์แก้มตอบเคลื่อนที่ เสียรูปทรง

ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม

การประคบเย็นหลังฉีดฟิลเลอร์ ช่วยลดอาการบวมช้ำในเบื้องต้นได้ นอกจากนั้นก็ยังช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวได้ดี โดยควรใช้ผ้าห่อน้ำแข็งหรือใช้เจลเย็นประคบเบา ๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการกระจายตัวของฟิลเลอร์ แนะนำให้ทำในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 10-15 นาที

หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน

ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ค่อนข้างไวต่อความร้อน ดังนั้นการอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือตากแดดจัด จึงอาจเร่งการเสื่อมสภาพของฟิลเลอร์ และเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการบวมแดงหรือระคายเคืองได้ง่าย ความร้อนจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่บอกว่าฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน เสื่อมเร็วกว่าที่ควรหรือไม่

ดื่มน้ำปริมาณที่เพียงพอ

ฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นสารเติมเต็มซึ่งมีคุณสมบัติเด่นเรื่องการอุ้มน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ จึงเป็นข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ให้ผิวดูชุ่มชื้น อิ่มฟู และคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ตลอดจนช่วยเร่งการฟื้นตัวของผิวหลังฉีดได้อีกด้วย

งดการออกกำลังกายหนักหลังฉีดฟิลเลอร์

ช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังเติมฟิลเลอร์ ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เพราะอาจเพิ่มแรงสะเทือนในร่างกาย ทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวและส่งผลต่อการคงรูปได้ นอกจากนั้นกิจกรรมดังกล่าวก็อาจเพิ่มการไหลเวียนเลือดและแรงดันในร่างกาย ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการบวมได้ด้วย

หลีกเลี่ยงสูบบุหรี่หลังฉีดฟิลเลอร์

การหลีกเลี่ยงสูบบุหรี่หลังฉีดฟิลเลอร์ นอกจากจะลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ลดการอักเสบได้ ก็ยังช่วยให้ผลลัพธ์จากฟิลเลอร์สวยเนียนและคงอยู่ได้นานขึ้น เพราะควันและสารบางชนิดในบุหรี่ อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของผิว รวมถึงส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดที่จำเป็นสำหรับการเข้าที่ของฟิลเลอร์

เลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม

อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ พร้อมทั้งส่งเสริมและกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ ที่ควรทำ ก็คือการทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด หรือศึกษาว่าหลังฉีด Filler ห้ามกินอะไร เพื่อป้องกันอาการบวม

หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการบวม ฟกช้ำ และส่งผลต่อการเข้าที่ของฟิลเลอร์ รวมถึงการฟื้นตัวของผิว เนื่องจากแอลกอฮอล์จะเข้าไปเพิ่มการไหลเวียนเลือด และทำให้หลอดเลือดขยายตัว ดังนั้นข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ที่จำเป็นต้องเลี่ยง ก็คือการงดแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์สวยคงทนและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ แต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งส่วนใหญ่จะหายไปเองในเวลาไม่นาน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

อาการบวม : มักเกิดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หรือใกล้เคียง โดยจะค่อย ๆ เข้าที และกลืนไปกับผิวภายใน 1-3 วัน
รอยช้ำ : เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวหนัง สามารถหายเองได้ประมาณ 5-7 วัน
อาการตึง : พบมากในช่วงแรงหลังฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการปวดเล็กน้อยร่วมด้วย มักดีขึ้นในช่วง 3-7 วัน

ซึ่งนอกจากผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้แล้ว ในบางกรณีหากใช้บริการกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอม ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงซึ่งอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น เกิดการติดเชื้อ อาการแพ้ฟิลเลอร์ ปวดศีรษะ ตลอดจนผิวหนังเปลี่ยนสี เป็นต้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจควรศึกษาว่าฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีทุกครั้ง

หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่ ต้องรอนานไหม

หลังฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วประมาณ 1-3 วัน อาการบวมหรือรอยแดงจะเริ่มบรรเทาและยุบตัวลง โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนมากขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ และจะสมบูรณ์มากสุดเมื่อผ่านไปประมาณ 2-4 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและการดูแลตัวเองของแต่ละคนด้วย

สรุป การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ควรทำอย่างไร

เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพ ลดผลข้างเคียงอย่างอาการบวมหรือการอักเสบที่อาจเกิดขึ้น ทุกคนจำเป็นต้องดูแลตัวเองตามข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างเหมาะสม เช่น งดสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งต้องหลีกเลี่ยงข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ด้วย

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาหรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหัตถการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่

ช่องทางการติดต่อ