เสริมหน้าอก สามารถตรวจแมมโมแกรมได้หรือไม่ ?

Share :

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

ผู้หญิงมีหลายเหตุผลที่อาจจะพิจารณาทำศัลยกรรมทำนม เนื่องจากการเสริมหน้าอกเป็นกระบวนการผ่าตัดที่ต้องใช้ความละเอียด และความชำนาญในด้านการเสริมหน้าอกของศัลยแพทย์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้การเสริมหน้าอกจะช่วยในเรื่องขนาด หรือรูปร่างของเต้านมให้ออกมาเหมาะสมกับสรีระอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ก็ควรระมัดระวัง และพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเสริมหน้าอก เนื่องจากการเสริมหน้าอกมีทั้งข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งนี้ก็จะมีอีกหนึ่งคำถามที่สาวๆ หลายคนสงสัยว่า เสริมหน้าอกมาแล้วหากต้องการ “ตรวจแมมโมแกรม” เพื่อตรวจเอ็กซเรย์เต้านมเพื่อตรวจหามะเร็งเต้านมในอนาคตได้หรือไม่ วันนี้ Apex Medical Center เลยไม่พลาดที่จะมาบอกต่อเรื่องราวดีๆ ที่เป็นสิ่งที่น่าสนใจให้กับผู้ที่กำลังคิดเสริมหน้าอกอยู่ได้เป็นความรู้ไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับการตรวจแมมโมแกรมสำหรับผู้ที่เสริมหน้าอก

แมมโมแกรม (Mammogram) คืออะไร

ก่อนอื่นต้องไขข้อสงสัยก่อนว่าการตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) คือการตรวจเอ็กซเรย์ภายในบริเวณหน้าอก โดยเป็นการตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่ใช้รังสีน้อยกว่าเครื่องตรวจเอ็กซเรย์ทั่วไป แต่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพของภาพถ่ายที่ละเอียดสูง สามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งหินปูน หรือจุดขนาดเล็กที่เกาะอยู่ภายในบริเวณหน้าอก ในขณะที่เครื่องอัลตราซาวด์ทั่วไปไม่สามารถตรวจจับและมองเห็นได้

เสริมหน้าอก ตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) ได้ไหม

แน่นอนว่าหลังเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม บางคนที่เสริมหน้าอกมาแล้วจะมีคำถามที่สงสัยว่าการตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม (Mammogram) จะยากกว่าคนที่ไม่ได้เสริมหน้าอกหรือไม่ ต้องขออธิบายแบบนี้ค่ะ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วแพทย์จะทำการตรวจแมมโมแกรม ควบคู่ไปพร้อมกับการตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ ซึ่งในกรณีของผู้ที่เสริมหน้าอกแพทย์จะใช้กระบวนการ และเทคนิคพิเศษในการตรวจจับมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม โดยการเอ็กซเรย์แบบดึงแยกเนื้อเยื่อบริเวณหน้าอกแยกออกจากซิลิโคน และแพทย์จะกดเนื้อเยื่อบริเวณหน้าอกให้แน่นโดยแนบไปกับเครื่องเพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติภายในบริเวณหน้าอก แต่คนไข้ไม่ต้องกังวลใจว่าซิลิโคนจะเกิดความเสียหาย เพราะด้วยความที่ซิลิโคนหน้าอกได้ถูกคิดค้นมาอย่างดีโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วว่ามีความแข็งแรง คงทน แต่ยืดหยุน ดังนั้นการตรวจหาสิ่งผิดปกติบริเวณหน้าอกด้วยเครื่องแมมโมแกรมจึงไม่สามารถกระทบกระเทือนต่อซิลิโคนหน้าอก หรือเต้านมเทียมได้

ข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการเสริมหน้าอก

  • งดอาหาร และเครื่องดื่มทุกชนิด ก่อนเข้ารับการเสริมหน้าอกอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจทำให้อาหาร และเครื่องดื่มสำลักเข้าหลอดลม เนื่องจากการเสริมหน้าอกเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ยาสลบ
  • งดสูบบุหรี่ก่อนเสริมหน้าอกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากบุหรี่มีสารนิโคติน สามารถซึมผ่านทางเนื้อเยื่อของผิวหนังเข้าสู่ภายในร่างกาย และออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินของเส้นเลือด ทำให้เลือดเกิดการไหลเวียนไปยังบริเวณที่ทำการผ่าตัดมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการบวม และมีความเสี่ยงในการอักเสบ หรือติดเชื่อเพิ่มมากขึ้น
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเสริมหน้าอกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไปเช่นเดียวกับการงดสูบบุหรี่ เพราะแอลกอฮอล์จะเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้กระจายไปทั่วร่างกาย และทำให้เลือดหยุดไหลช้ากว่าปกติ
  • งดรับประทานวิตามิน อาหารเสริม และกลุ่มยาประเภทแอสไพริน 1-2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก เนื่องจากกลุ่มยาประเภทนี้จะส่งผลทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มในการเกิดภาวะเลือดไหลเยอะกว่าปกติ
  • ผู้ที่ทาเล็บ และไว้เล็บยาว ควรทำความสะอาดเล็บก่อนเสริมหน้าอกให้ดีที่สุด เนื่องจากศัลยแพทย์จะทำการวัดค่าออกซิเจนจากปลายนิ้ว เพื่อสังเกตอาการในระหว่างผ่าตัด
  • ชำระล้างร่างกายให้สะอาดได้มากที่สุดเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการเสริมหน้าอก
  • แจ้งประวัติการแพ้ยาก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก
  • ในวันผ่าตัดจำเป็นต้องนำบุคคลสนิทมาด้วย เนื่องจากป้องกันอุบัติเหตุ และช่วยดูแลระหว่างหลังเข้ารับการเสริมหน้าอก

ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับการเสริมหน้าอก

  • ทานยาตามที่แพทย์จัดให้อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังเข้ารับการเสริมหน้าอก และช่วยทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น
  • งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1- 2 เดือนขึ้นไป เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าอกเกิดการอักเสบ และติดเชื้อ
  • งดการเล่นกีฬา และออกกำลังกายที่ส่งผลทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อหน้าอกอย่างน้อย 2 เดือนขึ้นไป หรือจนกว่าหน้าอกจะหายดี
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสจัด และควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนที่ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เป็นต้น
  • ควรมาตามนัดหลังจากศัลยแพทย์นัดประเมินอาการหลังการเสริมหน้าอกทุกครั้ง เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของคนไข้เอง เพราะถ้าหากมีปัญหาศัลยแพทย์จะได้ทำการแก้ไขได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัยที่สุด

สุดท้ายนี้หากใครคิดจะเสริมหน้าอก ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และความไว้วางใจของศูนย์ความงามนั้นๆ ก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด เพราะการเสริมหน้าอก เป็นการทำศัลยกรรมที่อยู่กับเราไปได้อย่างยาวนาน เราจึงควรต้องศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียด และถี่ถ้วน และถ้าหากใครที่กำลังศึกษาหาข้อมูลอยู่ว่า เสริมหน้าอก 2023 เสริมหน้าอกที่ไหนดี Apex Medical Center ขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้สาวๆ ที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเสริมหน้าอกอยู่ ไว้เป็นทางเลือกดีๆเพราะเรามีทีมศัลยแพทย์ที่ดูแลเฉพาะทางโดยตรง อีกทั้งตลอดระยะเวลาการผ่าตัด ยังมีแพทย์วิสัญญีเฉพาะทางควบคุมตลอดระยะเวลาการผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจาก เราคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก ดังนั้นระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัดจึงจำเป็นต้องมีวิสัญญีแพทย์ดูแลตั้งแต่ก่อนเข้ารับการผ่าตัดทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเพื่อประเมินปริมาณยาระงับความรู้สึกในขณะผ่าตัดว่าควรใช้มากน้อยเพียงใด อีกทั้งตลอดเวลาในห้องผ่าตัด วิสัญญีแพทย์จะคอยเฝ้าสังเกตอาการทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นตรวจเช็คคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความดันโลหิต และเช็คระดับออกซิเจนเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวคนไข้ในระหว่างที่ได้ทำศัลยกรรมที่ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน เช่น เสริมหน้าอก ดูดไขมัน ดึงหน้า เป็นต้นค่ะ

 

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญศูนย์ศัลยกรรมความงามเอเพ็กซ์

📞 096-235-4564

📞 088-870-0039

📞 062-709-7279

📲 Line : @apexsurgery หรือ Click http://line.me/ti/p/%40APEXsurgery

#Apex #apexmedicalcenter #เอเพ็กซ์ #เอเพ็กเมดิคอลเซ็นเตอร์ #เสริมความงาม #คลินิกเสริมความงาม #เสริมหน้าอก #ทำหน้าอก #ทำนม #ทำนมราคาถูก #ทำนมที่ไหนดี #เสริมหน้าอกที่ไหนดี #เสริมหน้าอก400ccราคา #เสริมอกราคาผ่อน #เสริมหน้าอกพักฟื้นกี่วัน#เสริมหน้าอกราคาถูก #ทำนมราคาถูก #เสริมหน้าอกที่ไหนดี2566 #ราคาเสริมหน้าอก #เสริมอกราคาผ่อน

Apex,apexmedicalcenter,เอเพ็กซ์,เอเพ็กเมดิคอลเซ็นเตอร์,เสริมความงาม,คลินิกเสริมความงาม ,เสริมหน้าอก,ทำหน้าอก,ทำนม,ทำนมราคาถูก,ทำนมที่ไหนดี,เสริมหน้าอกที่ไหนดี,เสริมหน้าอก400ccราคา,เสริมอกราคาผ่อน,เสริมหน้าอกพักฟื้นกี่วัน,เสริมหน้าอกราคาถูก,ทำนมราคาถูก,เสริมหน้าอกที่ไหนดี2566,ราคาเสริมหน้าอก,เสริมอกราคาผ่อน

บทความอื่น ๆ