สายดูแลสุขภาพต้องไม่พลาดตัวนี้ Chelation Therapy หรือ ล้างสารพิษหลอดเลือด ตัวช่วยลดการสะสมของโลหะหนักหรือสารพิษอื่นๆในร่างกาย ที่เกิดจากการที่เราโดนมลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM 2.5 หรือว่าจะเกิดจากการรับประทานอาหาร ของทอด ไขมัน ซึ่งการของ Chelation Therapy คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง มาดูเลย!
ล้างสารพิษหลอดเลือด คืออะไร?
การกำจัดพิษโลหะหนักด้วยคีเลชั่น (Chelation) คือ การให้สารน้ำทางเส้นเลือดประกอบด้วยที่มีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ต่างๆ ที่ทำหน้าที่ในการดึงตัวโลหะหนักออกจากร่างกาย เช่น ปรอท ตะกั่ว สารหนู หรือพวกที่พอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดของเรา โดยผ่านทางเส้นเลือดดำ แล้วขจัดสารโลหะหนักเหล่านี้ออกผ่านระบบปัสสาวะ เพื่อประโยชน์ในการล้างสารพิษทางหลอดเลือด การกำจัดสารโลหะหนัก และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด อีกทั้งยังป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด ภายหลังเสร็จการรักษาสามารถประกอบกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม
Chelation Therapy เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะ อมัลกัม มีไขมันในเส้นเลือดสูง มี oxidative stress (ระดับอนุมูลอิสระสูง) เช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุหรี่ ฯลฯ
- ผู้ที่มีปัญหาสารพิษโลหะสะสมและปัญหาสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกาย
- ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนโลหิตบกพร่อง มีอาการ เช่น เวียนหัวง่าย ฯลฯ
- ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น
- ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือดตีบตัน รวมทั้งต้องการกำจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากตัว และต้องการรักษาสภาพของเส้นเลือดทั่วตัว ไม่ให้เกิดการอุดตันในอนาคต
- ผู้ที่ไปทำบอลลูนเส้นเลือด ใส่ขดลวด ทำบายพาสมาแล้ว เพราะจะเกิดการอุดตันใหม่เกิดขึ้น ซึ่งการทำคีเลชั่นจะลดปัญหาเหล่านั้นได้
ข้อห้ามสำหรับการทำ Chelation Therapy
- ผู้ที่มีอาการแพ้ EDTA อย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะที่ 4-5 ยกเว้นผู้ที่ทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมได้ (renal dialysis)
- ผู้ที่มีอาการทางสมองผิดปกติจากตะกั่วเฉียบพลัน (Acute lead encephalopathy)
- ผู้ที่มีประวัติผ่าตัดต่อมไทรอยด์ (Total thyroidectomy) หรือผู้ที่มีระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ต่ำ (Hypoparathyroidism)
ประโยชน์ของการทำคีเลชั่นบำบัด
- ลดการอุดตันในหลอดเลือดทั้งในสมองและหัวใจ
- ลดความดันโลหิต ลดระดับไขมันในเลือด
- ลดอาการอักเสบของผิวหนัง
- ระบบการหมุนเวียนโลหิตทั่วไปดีขึ้น (เส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ,มือและเท้า ฯลฯ)
- ระบบการทำงานของปอดดีขึ้น ลดโอกาสเกิดมะเร็ง
- ช่วยให้สมองแจ่มใส ช่วยให้ความจำดี บรรเทาอาการอัลไซเมอร์
คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) ควรทำกี่ครั้ง?
สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพของหลอดเลือดโดยตรง อาจจะทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ผู้ที่มีสุขภาพดีอยู่แล้ว และต้องการทำเพื่อชะลอวัย อาจทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และควรทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ครั้ง เพื่อขจัดสารพิษให้ลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย โดยควรตรวจเลือดเพื่อวัดระดับสารพิษหลังทำครบ 10 ครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรเป็นไปตาม
คำแนะนำหลังทำ Chelation Therapy
- ดื่มน้ำมากพอ การดื่มน้ำมากพอช่วยในกระบวนการขับถ่ายสารพิษที่ถูกตัดออกจากร่างกายผ่าน Chelation Therapy และช่วยในการล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์สำหรับร่างกายจะช่วยในกระบวนการฟื้นฟูและลดความเสี่ยงต่อสารพิษหรือโลหะหนักที่มีการสะสมในร่างกาย
- การติดตามแพทย์อย่างสม่ำเสมอหลังจากทำ Chelation Therapy เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อตรวจสุขภาพและความเป็นอยู่ของสารพิษหรือโลหะหนักในร่างกาย
- การลดการสัมผัสกับสารพิษ: การลดการสัมผัสกับสารพิษหรือสิ่งที่อาจทำให้เกิดการสะสมของโลหะหนักในร่างกาย เช่นการใช้ถุงมือหรืออุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
การดูแลรักษาหลังจาก Chelation Therapy เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้รักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการรักษาและป้องกันการสะสมของสารพิษหรือโลหะหนักในร่างกายได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับใครที่อยากปรึกษาเรื่องเข้ารับการรักษาด้วยการ Chelation Therapy สามารถเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ APEX เพราะเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย พร้อมให้คำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละคน
📍APEX WELLNESS ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและชะลอวัยครบวงจร
เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณ
Line : @apexlifecenter
Instagram : apexwellness
Facebook : APEX Wellness
Tel : 0957958784 , 0659500799
