“คอลลาเจน” ก็เปรียบเสมือนปราการอันแข็งแกร่งของผิว ซึ่งเมื่อวันเวลาผ่านไปปราการเหล่านี้ย่อมสึกกร่อนตามกาลเวลา คอลลาเจนคือโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกาย รวมถึงมีอยู่หนาแน่นใต้ชั้นผิว พออายุเริ่มมากขึ้น ร่างกายจะค่อย ๆ สูญเสียปริมาณคอลลาเจนไปเรื่อย ๆ จึงเป็นบ่อเกิดของริ้วรอยแห่งวัย ผิวเริ่มไม่เต่งตึง ขาดความกระชับ หมองคล้ำ และแห้งกร้าน
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
Toggleไม่เพียงแค่อายุที่เป็นสาเหตุสำคัญเท่านั้น ปัจจัยจากสภาพแวดล้อมอย่างแสงแดด ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และอาหารการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ล้วนกระทบต่อปริมาณคอลลาเจนทั้งสิ้นค่ะ ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องคืนความอ่อนเยาว์แก่ผิวด้วยการเติมคอลลาเจน ซึ่ง “Sculptra” คือหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยให้การปลุกคอลลาเจนเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ แถมได้ผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
คอลลาเจนมีอะไรบ้าง ?
คอลลาเจนชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในร่างกายของเรา มีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด ชนิดแรกคือ Collagen Type I มีจำนวนกว่า 90% จากคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ซึ่งพบมากในผิวหนัง รวมถึงเส้นผมกับกระดูก ช่วยเรื่องความยืดหยุ่นและสมานแผล ชนิดต่อมาเป็น Collagen Type II มีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดแรก ทำหน้าที่ช่วยสร้างกระดูกอ่อน ส่วนชนิดสุดท้ายคือ Collagen Type III มักพบร่วมกับชนิดที่ 1 ซึ่งอยู่ตามผิว กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย
เห็นได้ว่า Collagen Type I ถือเป็นโครงสร้างหลักของผิวหนังเรา ช่วยให้ผิวคงความยืดหยุ่น เปล่งปลั่งสดใส และเต่งตึง ทว่าหลังอายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงปีละ 1% โดยเฉลี่ย ซึ่งผลจากการสูญเสียคอลลาเจนก็คือริ้วรอยร่องลึกตามวัยที่ปรากฏทั้งบนใบหน้าและร่างกาย รวมไปถึงความเหี่ยวย่น ความหมองคล้ำ และความแห้งกร้านนั่นเองค่ะ
ทำความรู้จักกับ Sculptra
Sculptra คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน โดยมีส่วนประกอบหลักเป็นอนุภาคของ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่ง Sculptra จัดอยู่ในกลุ่ม Biostimulator โดยหลังฉีดเข้าสู่ผิวชั้นลึกจะมีกลไกกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จาก Sculptra จะแตกต่างจากสารเติมเต็มประเภทฟิลเลอร์ที่จะเห็นผลลัพธ์ทันที โดยSculptra จะมอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า โดยค่อย ๆ ฟื้นฟูผิวตั้งแต่ชั้นลึกให้กลับคืนสู่ความอ่อนเยาว์ โดยผลคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
Sculptra ช่วยปลุกคอลลาเจน คืนผิวอ่อนวัยได้อย่างไร ?
เมื่อฉีด Sculptra เข้าสู่ผิวชั้นลึก ตัวยาจะค่อย ๆ กระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจน โดยก่อให้เกิดการอักเสบผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพื่อดึงเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า “แมคโครฟาจ (Macrophage)” มา แล้วส่งสัญญาณให้ “ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast)” หรือเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจนรวมตัวกัน เกิดเป็นการกระตุ้นให้ผลิตคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งหลังผ่านไป 2 – 3 สัปดาห์ จะเริ่มปรากฏผลลัพธ์เป็นผิวที่สุขภาพดีขึ้นค่ะ Sculptra นั้นสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน Type I สูงถึง 66.1% โดยสาร PPLA ที่ถูกฉีดเข้าไปจะค่อย ๆ สลายตัวโดยไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ
ในเดือนที่ 3 – 6 หลังรักษา ผิวบริเวณที่ฉีดจะได้รับการฟื้นฟูอย่างล้ำลึกตั้งแต่ระดับโครงสร้าง ใบหน้าที่เคยหย่อนคล้อยกลับมากระชับได้รูป ริ้วรอยรวมถึงร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น ผิวเองก็ทั้งยืดหยุ่น อิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง เต่งตึง จบปัญหาผิวโทรม และหยาบกร้าน
ฉีด Sculptra ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
นอกเหนือจากฉีดได้ทั่วใบหน้า เช่น กรอบหน้า ร่องน้ำตา ขมับ หน้าแก้ม ร่องแก้ม หรือคางแล้ว Sculptra ยังเหมาะสำหรับฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาผิวเหี่ยวย่นบริเวณอื่นบนร่างกาย เช่น ลำคอ เนินอก หรือหลังมือ เป็นต้น แต่ไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณ T-Zone ค่ะ อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจฉีด Sculptra ควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบด้านเสมอ เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Sculptra เหมาะกับใครบ้าง ?
เหมาะกับคนที่กำลังเจอปัญหาการเสื่อมสภาพของผิวทั้งตามวัยและก่อนวัย โดยเฉพาะจุดต่าง ๆ บนใบหน้า ลำคอ หรือตามส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นร่องลึก ร่องตื้น ผิวขาดความยืดหยุ่น ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ และแห้งกร้าน ในคนที่ใบหน้าดูตอบโทรม ไม่อิ่มเต็ม ซึ่งต้องการคืนความอิ่มฟู ความอ่อนเยาว์ เติมริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ให้จางลง พร้อมทั้งได้งานผิวเรียบเนียน เต่งตึง และกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงต้องการผลลัพธ์ยาวนาน ไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ
คนที่ไม่แนะนำให้ฉีด Sculptra
- คุณแม่ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่อายุน้อยกว่า 18 ปี เนื่องจากไม่มีผลวิจัยรองรับว่าการฉีด Sculptra จะเกิดผลเสียหรือไม่
- ผู้ที่กำลังกินยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หยุดยาก หรือกำลังกินยาละลายลิ่มเลือด และยาต้านเกล็ดเลือด
- ผู้ที่มีการติดเชื้อบนผิวหนัง หรือการอักเสบบนผิวหนัง
- ผู้ที่เคยมีประวัติการเกิดคีลอยด์ หรือแผลเป็นนูน
Sculptra ปลอดภัยไหม ?
Sculptra ปลอดภัยต่อร่างกายค่ะ เนื่องจากองค์ประกอบในตัวยาเป็นสารสังเคราะห์จากพืช ซึ่งถูกพัฒนาปรับปรุงให้เข้ากันได้ทางชีวภาพกับร่างกายมนุษย์มากที่สุด จึงลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง และการปฏิเสธจากระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทดสอบอาการแพ้ใด ๆ ก่อนฉีด นอกจากนี้สารออกฤทธิ์ใน Sculptra จะค่อย ๆ ย่อยสลายออกจากร่างกายอย่างสมบูรณ์โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้
ขั้นตอนการฉีด Sculptra
หลังปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อบอกเล่าปัญหา และให้แพทย์ช่วยประเมินสภาพผิวเพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้ว ก่อนเริ่มฉีด Sculptra จะมีการแปะยาชาให้ประมาณ 45 นาที โดยระหว่างนี้แพทย์จะเตรียม Sculptra ให้อยู่ในรูปแบบ Active form เมื่อถึงเวลาแพทย์จะใช้เข็มทู่ขนาด 22 – 25 G ฉีดตัวยาลงลึกใต้ชั้นผิวที่ 1.5 – 2 เซนติเมตร โดยหลังรักษาเสร็จ จะต่อด้วยขั้นตอนนวดหน้าแบบเฉพาะ เพื่อช่วยให้ยากระจายตัวได้ดีขึ้นค่ะ
ผลข้างเคียงหลังฉีด Sculptra
ผลข้างเคียงที่พบเจอได้ทั่วไป คืออาการบวม แดง ช้ำ หรือปวดเมื่อยเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อย ๆ หายเองภายใน 2 – 3 วัน
ต้องฉีด Sculptra กี่ครั้งถึงเห็นผล ?
จำนวนครั้งในการฉีด Sculptra ขึ้นอยู่กับปัญหาสภาพผิวของแต่ละเคสค่ะ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินและออกแบบการรักษาอย่างเหมาะสมให้ โดยทั่วไปอาจต้องฉีดตั้งแต่ 1 – 4 ครั้งต่อเนื่อง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 1 เดือน ในผู้ที่มีปัญหาค่อนข้างเยอะอาจต้องฉีด 3 ครั้งขึ้นไป หรือฉีดครั้งละ 2 ขวดค่ะ
Sculptra อยู่ได้นานแค่ไหน ?
หลังรักษาด้วย Sculptra จะยังไม่เห็นผลลัพธ์ในทันที แต่จะเริ่มแสดงผลราวสัปดาห์ที่ 2 – 3 หลังฉีด โดยความเปลี่ยนแปลงของผิวที่ได้รับการฟื้นฟูจากการกระตุ้นให้ผลิตคอลลาเจนใหม่จะเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ และชัดเจนที่สุดใน 3 – 6 เดือนหลังฉีด ซึ่งผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ยาวถึง 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว ช่วงอายุ และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคลด้วย
ปลุกคอลลาเจน คืนผิวอ่อนวัย ด้วย Sculptra ที่ APEX
APEX เปิดให้บริการต่อเนื่องกว่า 31 ปี ซึ่งนอกเหนือการฉีด Sculptra เรายังมีตัวช่วยด้านความงามอีกมากมายไว้ตอบโจทย์ พร้อมทั้งนำเข้าและอัปเดตเทคโนโลยีทันสมัย รวมถึงนวัตกรรมด้านความงามใหม่ ๆ อยู่เสมอ คุณจึงมั่นใจได้ว่าเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ที่ APEX เป็นของแท้ และผ่านมาตรฐานสากลรวมถึง อย.ไทย


