ไขมันต้นขาเยอะ Coolsculpting Elite ช่วยได้
“ต้นขาใหญ่” นับเป็นอีกเรื่องที่รบกวนจิตใจใครหลายคน นอกจากไขมันสะสมแล้ว ปัญหาจากเซลลูไลท์ที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนดูคล้ายเปลือกส้มก็อาจยิ่งทำให้แย่เข้าไปอีก หลายคนสูญเสียความมั่นใจเวลาสวมใส่เสื้อผ้า และอาจทำให้หาไซส์กางเกง หรือกระโปรงที่พอเหมาะพอดียากเป็นพิเศษ กลายเป็นว่าต้องไปปรับแก้ขยายเพิ่มหลังซื้ออีกรอบ ฉะนั้นการลดต้นขาให้เล็กลง หรือเพื่อให้เรียวสวยจึงเป็นเป้าหมายของคนจำนวนมาก ซึ่งนอกเหนือจากการออกกำลังกายที่เป็นวิธีพื้นฐานแล้ว บางครั้งแค่ลองปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวันทีละนิดทีละหน่อยอย่างเหมาะสม ก็สามารถทำให้ต้นขาเล็กลงได้เช่นกันค่ะ
ไขข้อสงสัย เซลลูไลท์ กับ ไขมัน ต่างกันอย่างไร ?
เซลลูไลท์ (Cellulite) จะมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำ ทำให้ผิวดูเหมือนเปลือกส้มไม่เรียบเนียน อันเป็นผลมาจากผิวหนังชั้นบนมีการสะสมไขมันมากกว่าปกติ ซึ่งพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายค่ะ ตำแหน่งที่พบได้บ่อยคือแถวสะโพก ต้นขา หรือหน้าท้อง ซึ่งเซลลูไลท์มักเกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารที่มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
โดยความแตกต่างของเซลลูไลท์กับไขมันทั่วไป อยู่ตรงโครงสร้างของเนื้อเยื่อและการกระจายตัวของไขมัน บริเวณที่มักเกิดเซลลูไลท์ จะมีเส้นใยเชื่อมโยงระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อใต้ชั้นผิว ซึ่งเส้นใยเหล่านี้สามารถดึงผิวหนังลงมา ทำให้เกิดรอยบุ๋ม ผิวจึงหย่อนคล้อย สูญเสียความยืดหยุ่น ทั้งนี้เซลลูไลท์คือไขมันที่สะสมเป็นก้อน จะมีของเสียและน้ำปะปนอยู่ พร้อมมีพังผืดเข้ามาห่อหุ้ม หากเป็นไขมันทั่วไปสามารถกำจัดออกได้ด้วยการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย แต่เซลลูไลท์จำเป็นต้องมีการนวดผิวหนัง หรือใช้เทคนิคอื่น ๆ ทางการแพทย์ร่วมด้วยจึงจะได้ผลดี
วิธีปรับพฤติกรรมเพื่อลดต้นขาใหญ่
- ไม่นั่งนาน ๆ การนั่งนาน ๆ คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นขาใหญ่ค่ะ เนื่องจากมีการกดทับ เลือดไหลเวียนได้น้อยลง จึงเกิดการสะสมไขมันมากขึ้น หากมักต้องนั่งทำงานนาน ๆ แนะนำว่าควรหมั่นลุกขึ้นมาเดิน หรือขยับร่างกายทุก ๆ ชั่วโมง เพื่อช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ
- ดื่มน้ำสะอาด การดื่มน้ำเปล่าช่วยทั้งเรื่องของผิวพรรณ ระบบขับถ่าย ลดบวม และช่วยทำให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น ฉะนั้นควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 – 3 ลิตรต่อวันค่ะ
- ลดโซเดียม โซเดียมมีอยู่ในอาหารทุกประเภท โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป รสจัด รสเค็ม และซอสปรุงรสต่าง ๆ ซึ่งโซเดียมคือตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายบวมน้ำ ส่งผลให้ตัวบวมขึ้น ขาใหญ่ขึ้น หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียมสูง หรือหลังจากกินโซเดียมเยอะ ก็ควรดื่มน้ำตามเยอะ ๆ เพื่อให้ร่างกายได้ขับโซเดียมออกง่ายขึ้นค่ะ
- ลดน้ำตาล แป้ง ของทอด และของมัน ทุกคนรู้ดีว่าการกินอาหารจำพวกนี้ส่งผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะการเกิดไขมันสะสมที่ตามมา ฉะนั้นหากไม่ต้องการให้ขาใหญ่ไปมากกว่าที่เป็น หรืออยากลดต้นขาให้ได้ผลดี ควรลดการกินอาหารเหล่านี้ลง แต่ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นงดเด็ดขาดค่ะ
- กินโปรตีนมากหน่อย โปรตีนมีส่วนสำคัญต่อระบบเผาผลาญ และการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ฉะนั้นจึงควรหันมากินอาหารที่มีโปรตีนในแต่ละมื้อให้เพียงพอค่ะ
- ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญต่อการลดน้ำหนัก และเพิ่มการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ซึ่งการออกกำลังกายไม่สามารถใช้ลดเฉพาะจุดได้ ทว่าลองหันมาออกกำลังกายแบบที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เป็นหลักดูค่ะ เพราะจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ดีขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอเสมอ การนอนน้อยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอให้โทษแก่ร่างกายแบบองค์รวมทีเดียวค่ะ เพราะในระหว่างนอนหลับร่างกายของเราจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยจัดระเบียบความจำและสกิลใหม่ ๆ ที่ได้เรียนรู้ฝึกฝนมา รวมถึงทำให้ระดับฮอร์โมนและการเผาผลาญเป็นปกติ ซึ่งการนอนน้อยจะส่งผลให้เรารู้สึกหิวโหยของหวานมากเป็นพิเศษ ทั้งยังหิวบ่อยมากในระหว่างวันอีกด้วย
เห็นไหมคะว่าแค่ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบ้างอย่างละนิดละหน่อยก็ช่วยลดต้นขา และไม่ทำให้ต้นขาขยายใหญ่ไปมากกว่าเดิมได้แล้ว เพียงแต่ทุก ๆ วิธีต่างก็ต้องอาศัยการทำให้สม่ำเสมอ ทว่าหากใครอยากได้วิธีที่เห็นผลเร็ว แบบไม่ต้องเคร่งเครียดกับการปรับพฤติกรรมมากนัก การอาศัยเทคโนโลยีทางการแพทย์ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยได้ เช่น CoolSculpting Elite ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถช่วยสลายไขมันและกระชับสัดส่วนแบบเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และไม่ต้องเจ็บตัว
ลดปัญหาต้นขาใหญ่ ใส่ชุดไหนก็ดูดี ด้วย Coolsculpting Elite
CoolSculpting Elite หรือการสลายไขมันด้วยความเย็น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเป้าหมายเพื่อการสลายไขมันแบบเฉพาะส่วนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเหนียง ใต้รักแร้ ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง น่อง หรือสะโพก ซึ่งวิธีนี้ไม่มีการผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ โดยใช้เวลาในการทำเพียงจุดละ 35 นาทีโดยประมาณ
หลักการทำงานของ CoolSculpting Elite คือการส่งผ่านความเย็นผ่านหัว Applicator ลงไปยังใต้ชั้นผิว ซึ่งเป็นความเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งที่ -11 ถึง -13 องศาเซลเซียส โดยเซลล์ไขมันจะไวต่อความเย็น จึงถูกแช่แข็งจนเป็นผลึกและตายลง แน่นอนว่ากระบวนการนี้ไม่ทำอันตรายต่อผิวชั้นบน และไม่กระทบต่อเซลล์เนื้อเยื่ออื่น ๆ ค่ะ โดยหลังจากทำจนครบตามเวลาที่กำหนด Specialist จะถอดหัวอุปกรณ์ออกและนวดในบริเวณที่เพิ่งทำ เพื่อให้เซลล์ไขมันแตกตัวได้ดีและเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา โดยในขั้นตอนนี้อาจรู้สึกเจ็บปวดจากการนวดอยู่บ้างค่ะ
เซลล์ไขมันที่ตายแล้วจะค่อย ๆ ถูกกำจัดทิ้งผ่านกลไกธรรมชาติของร่างกาย และเป็นการกำจัดอย่างถาวร ทำให้บริเวณที่ผ่านการรักษาด้วย CoolSculpting Elite ไม่กลับมาอ้วนง่ายเหมือนเดิม ทั้งนี้ในช่วง 7 – 10 วันหลังรักษา อาจมีอาการปวดระบม คล้ายอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายหนักในจุดที่ทำ และหากใครกังวลว่าวิธีนี้จะอันตรายหรือเปล่า ขอให้วางใจได้เลยค่ะ เพราะ CoolSculpting Elite ผ่านการรับรองจาก FDA แล้ว จึงปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการสลายไขมันและกระชับสัดส่วนได้จริงอย่างแน่นอน
CoolSculpting Elite เห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่
หลังทำ CoolSculpting Elite จะเริ่มเห็นต้นขาเล็กลงในสัปดาห์ที่ 4 จากนั้นจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดภายใน 3 เดือน โดยการทำ 1 ครั้ง สามารถกำจัดไขมันในบริเวณพื้นที่เป้าหมายได้ราว 25 – 30% หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ก็สามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิมได้อีกเรื่อย ๆ โดยไม่เป็นอันตราย ซึ่งควรเว้นระยะห่างแต่ละครั้งตั้งแต่ 2 สัปดาห์ – 1 เดือน
หากการปรับพฤติกรรมเพื่อแก้ปัญหาต้นขาใหญ่ยังไม่ค่อยทันใจคนที่อยากเห็นผลลัพธ์ไว ๆ ต้องไม่พลาดการทำ CoolSculpting Elite ค่ะ ที่ APEX เราได้นำเครื่อง CoolSculpting Elite รุ่นใหม่ล่าสุดเข้ามาให้บริการ ซึ่งมีหัวอุปกรณ์ถึง 2 หัว พร้อมตัวทำความเย็นแยกอิสระ คุณจึงสามารถทำทั้ง 2 ขาพร้อมกันได้ในคราวเดียว เรียกได้ว่าประหยัดเวลาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม แถมหลังรักษาเสร็จสิ้นก็ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำแต่อย่างใด
ที่ APEX เรามีทีม CoolSculpting Specialist ที่มีทักษะเฉพาะทางด้านการสลายไขมันด้วยความเย็น ซึ่งสามารถช่วยประเมิน และออกแบบการรักษา เพื่อส่งมอบผลลัพธ์เป็นต้นขาที่เล็กลงและกระชับขึ้นอย่างตรงใจคุณ หากอยากหมดกังวลเรื่องต้นขาใหญ่ ไม่ว่าจะใส่ชุดไหนก็ดูดีและมั่นใจ นัดคิวมาปรึกษากับเราที่ APEX ได้เลยค่ะ
