ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ เรื่องของความงาม และความอ่อนเยาว์ เป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญกันมากขึ้น และยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อคงความอ่อนเยาว์เอาไว้ให้นานที่สุด ด้วยเหตุนี้ ทรีตเมนต์ที่เกี่ยวกับการยกกระชับจึงได้รับความนิยมอย่างมาก และสถาบันเสริมความงามหลาย ๆ แห่งก็นำเอาทรีตเมนต์ยกกระชับที่หลากหลายราคามาให้บริการ ซึ่ง Thermage ก็คือหนึ่งในทรีตเมนต์ที่ได้รับความนิยม สำหรับคนที่กำลังสนใจทรีตเมนต์ Thermage และอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพ หรืออยากทราบว่า Thermage ราคาเท่าไร เรามีคำตอบมาฝากค่ะ
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
ToggleThermage คืออะไร
เทอร์มาจ (Thermage) นวัตกรรมเพื่อการยกกระชับผิวและสลายไขมัน ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงชนิดขั้วเดียว (RF : Radio Frequency) โดยในกระบวนการยกกระชับผิว เครื่องจะส่งพลังงานความร้อนลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้ และไขมันใต้ชั้นผิว แต่จะยังไปไม่ถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ศัลยแพทย์ใช้ผ่าตัดดึงหน้า ทั้งนี้โครงสร้างผิวของเรา ประกอบด้วยชั้นผิว 3 ชั้น ได้แก่
- ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) อยู่ด้านนอกสุด ทำหน้าที่ช่วยปกป้องผิวจากสารพิษ แบคทีเรีย และการสูญเสียน้ำ
- ชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้นนี้จะมีความหนาและยืดหยุ่น ซึ่งมีองค์ประกอบหลักเป็นคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน
- ชั้นไขมัน (Subcutaneous) ประกอบด้วยเซลล์ไขมันเป็นหลัก
เมื่อพลังงานคลื่นวิทยุลงสู่ชั้นผิวก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน อุณหภูมิประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส กระตุ้นให้คอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินเกิดการหดตัว ส่งให้ผิวบริเวณที่ทำดูกระชับขึ้นทันทีราว 20 – 30% อีกทั้งยังกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิวต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูกลับมาดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ที่เคยหย่อนคล้อยก็กระชับได้รูป ไม่เพียงเท่านั้น พลังงานความร้อนยังช่วยช่วยสลายไขมันบนใบหน้าและเหนียงได้อีกด้วย ทำให้ ใบหน้าเรียวเล็กลง ผิวมีความยืดหยุ่น อิ่มฟู เปล่งปลั่ง เรียบเนียน โดยผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดหลังทำภายใน 3 – 6 เดือน และอยู่ได้นาน 2 ปี ด้วยการทำเพียง 1 ครั้ง
ทำไมคนถึงนิยมทำ Thermage ?
Thermage เป็นนวัตกรรมเพื่อการยกกระชับผิวทั้งสำหรับใบหน้า และบริเวณอื่น ๆ บนร่างกายได้อย่างหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่คนมักจะนิยมใช้เพื่อยกกระชับใบหน้า เพราะ นอกจากคุณสมบัติช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยแล้ว แต่ยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับกรอบหน้าให้เรียวขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียน เปล่งปลั่ง ฟื้นฟูในระดับลึกจนสุขภาพดี อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ให้แก่ผิวอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ
และอีกสาเหตุที่ทำให้ Thermage ได้รับความนิยมก็เพราะ Thermage ช่วยยกกระชับผิว ฟื้นคืนความอ่อนเยาว์แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีการใช้เข็มเพื่อฉีดสารเติมเต็ม เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (RF : Radio Frequency) ส่งคลื่นความร้อนลงไปยังผิวหนังชั้นลึกโดยตรง ซึ่งจะกระตุ้นให้คอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินหดตัว จึงมอบผลลัพธ์เป็นความกระชับหลังทำทันที ที่สำคัญคือยังผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก FDA เรียบร้อยค่ะ
Thermage ทำตรงไหนได้บ้าง ?
- บริเวณใบหน้าและลำคอ หน้าผาก รอบดวงตา คิ้ว รอบมุมปาก ร่องแก้ม กรอบหน้า หรือเหนียง
- บริเวณลำตัว แขน หลังมือ หน้าท้อง รอบเอว ขา สะโพก
- บริเวณผิวที่หย่อนคล้อย มีปัญหาเซลลูไลท์ ไม่เรียบเนียน
Thermage ราคาเท่าไร ?
สำหรับคำถามที่ว่า Thermage ราคาเท่าไรนั้น ต้องขอบอกก่อนว่า ทรีตเมนต์นี้มีราคาค่อนข้างสูงหากเทียบกับการทำทรีตเมนต์ยกกระชับอื่น ๆ โดยราคา ของ APEX Thermage FLX หัวม่วง 900 shot (เหมาทั่วหน้า+คอ+เหนียง) อยู่ที่ 59,000 บาท แต่เรื่องของความคุ้มค่านั้น รับรองได้ว่าไม่มีทางผิดหวังแน่นอน เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่เคยผ่านการทำ Thermage ก็ต้องกลับมาทำซ้ำเนื่องจากติดใจในผลลัพธ์ที่ได้ค่ะ
Thermage เหมาะกับใครและใครควรหลีกเลี่ยง ?
Thermage เป็นทรีตเมนต์ที่สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไปเลย แต่ช่วงอายุที่แนะนำคือ 25 – 60 ปี เพราะจะเห็นประสิทธิภาพได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่มีปัญหาดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับ ฟื้นฟูผิว โดยไม่อยากผ่าตัดศัลยกรรม
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวบริเวณใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน เพิ่มความเปล่งปลั่ง ให้แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ผู้ที่ใบหน้าและผิวหน้าหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก กรอบหน้าดูชัดขึ้น
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้ม ใต้คาง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณคอ ต้นแขน หน้าท้อง หลังมือ หรือส่วนอื่น ๆ
- ผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้มตามร่างกาย เช่น แขน ขา หน้าท้อง ก้น หรือสะโพก
แม้ว่าการทำ Thermage จะค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำได้ โดยคนที่มีเงื่อนไขสุขภาพดังต่อไปนี้ควรหลีกเลี่ยงการทำ Thermage ในทุกกรณี
- คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีอาการผิวหนังอักเสบ มีแผลสด แผลติดเชื้อในบริเวณที่จะทำการรักษา ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ
- ผู้ที่มีการฝังโลหะในร่างกาย
ทำ Thermage เจ็บไหม ?
หลายคนกังวลว่าการทำ Thermage จะเจ็บมากไหม เนื่องจากเป็นการส่งพลังงานความร้อนลงไปยังผิวชั้นลึก ต้องบอกตามตรงเลยว่า โดยทั่วไประหว่างทำจะรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง โดยความรู้สึกเจ็บจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย ระหว่างรักษาคุณจะรู้สึกอุ่น ๆ หรือจี๊ด ๆ แต่ก่อนทำทุกครั้งจะมีการแปะยาชาให้อยู่แล้ว จึงช่วยลดระดับความเจ็บลงเมื่อผิวหนังโดนความร้อนลงได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม เครื่องรุ่นใหม่อย่าง Thermage FLX ได้ถูกพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาความรู้สึกเจ็บในขณะทำ ดังนั้นหากคุณทำ Thermage FLX คุณจะรู้สึกเย็น และร้อนลึก ๆ ใต้ชั้นผิว ต่อด้วยรู้สึกเย็นมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่จะมีระบบ Pre and Post Cooling ที่ช่วยให้เจ็บน้อยลง ป้องกันผิวไหม้ จึงช่วยเพิ่มความรู้สึกสบายระหว่างทำค่ะ
Thermage อยู่ได้นานแค่ไหน ?
จุดเด่นของ Thermage ที่ทำให้คนนิยมทำ ก็คือ คุณสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังจากทำค่ะ โดยจะพบว่าผิวบริเวณที่ทำกระชับขึ้น หลังจากนั้นจะเป็นการเริ่มกระบวนการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิว ซึ่งผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ใน 3 – 6 เดือนและผลลัพธ์ของการทำ Thermage จะอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวดั้งเดิม อายุ และการดูแลตัวเองหลังรักษา ฉะนั้นเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ต่อเนื่องนานขึ้น แนะนำให้กลับมาทำซ้ำปีละ 1 ครั้ง และควรบำรุงผิวด้วยตัวเองด้วยเพื่อจะได้มีผิวที่อ่อนเยาว์ไปนาน ๆ ค่ะ
หากวันนี้คุณกำลังมีปัญหาที่หนักใจเรื่อง ผิวหย่อนคล้อยผิวสูญเสียคอลลาเจนตามช่วงวัย ทำให้มีริ้วรอยปรากฏ ผิวไม่เปล่งปลั่งสดใส หรืออาจมีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใบหน้า เหนียง หรือตามส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย รวมไปถึงผิวเปลือกส้มเป็นคลื่นดูไม่น่ามอง เทคโนโลยี Thermage เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย และมอบผลลัพธ์น่าพึงพอใจได้อย่างแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่อยากเสี่ยงกับการผ่าตัดศัลยกรรม และไม่อยากเสียเวลาพักฟื้นหลังทำ
ที่สำคัญ Thermage ยังมีเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพการรักษาเยี่ยมกว่าเดิม เรียกว่า “Thermage FLX” ค่ะ จุดเด่นคือหัวทิปมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงสามารถส่งพลังงานความร้อนเข้าสู่ผิวชั้นลึกได้ดีขึ้น ลดระยะเวลาในการรักษาลง รวมไปถึงระบบปล่อยความเย็นลงสู่ผิวเป็นระยะ เพื่อลดโอกาสผิวไหม้ และระบบสั่นที่จะทำให้คุณรู้สึกสบายผิวมากขึ้น และเจ็บน้อยลงระหว่างทำ