Sculptra
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่จะสังเกตได้ชัดคือผิวเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ไม่เต่งตึงเหมือนตอนเด็ก ๆ หากขาดการดูแลเป็นเวลานานก็จะเห็นเป็นริ้วรอยร่องลึก ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ใบหน้าหมองคล้ำ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคนครับ สาเหตุมาจากการที่ร่างกายของคนเรามีความสามารถในการสร้างคอลลาเจนได้ลดลง ผิวที่มีองค์ประกอบสำคัญคือคอลลาเจน จึงเกิดการเสื่อมสภาพตามไปด้วยครับ
Sculptra เป็นเทคโนโลยีการฟื้นฟูผิวแบบใหม่ ที่จะช่วยบำรุงผิวตั้งแต่ภายใน ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้แก่ผิว ฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเรียบเนียน ดูอ่อนวัยขึ้น เป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากครับ
ในบทความนี้ หมอจะแนะนำให้รู้จักกับ Sculptra ให้มากขึ้น Sculptra คืออะไร อันตรายไหม ช่วยอะไรได้บ้าง เหมาะกับผิวแบบไหน ราคาเท่าไหร่ เปรียบเทียบกับวิธีการกระตุ้นคอลลาเจนแบบอื่น ข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีด Sculptra หมอรวมให้ในบทความนี้แล้วครั
อ่านหัวข้ออื่นๆเพิ่มเติม
Sculptra คืออะไร ?
Sculptra คืออนุภาคของสาร Poly-L-Lactic acid หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PLLA ซึ่งถือเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก (The First & Original Collagen Biostimulator) มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ช่วยให้ผิวกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่น ฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้ผิวแข็งแรงจากภายใน คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
Sculptra ได้ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 1999 โดยมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 50 ฉบับ และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย Sculptra ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P.
อนุภาค PLLA ของ Sculptra ใช้กระบวนการผลิตที่ได้จดสิทธิบัตรเฉพาะของบริษัท กัลเดอร์มา เท่านั้น ได้เป็นอนุภาค PLLA-SCA ที่สามารถใช้ฉีดเข้าชั้นผิวได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพครับ
คอลลาเจนคืออะไร สำคัญอย่างไร ?
ก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับ Sculptra อย่างละเอียด หมอแนะนำให้เข้าใจถึงความสำคัญของคอลลาเจนก่อนครับ
คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนสายยาวที่เป็นโครงสร้างหลักในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของมนุษย์ เช่น ผิวหนัง เส้นเอ็น และหลอดเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผิวหนัง ที่มีส่วนประกอบเป็นคอลลาเจนถึง 75% และคอลลาเจนเป็นโปรตีนปริมาณถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการทำให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นครับ
คอลลาเจนมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีความแข็งและยืดหยุ่นได้ดีแตกต่างกันตามแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบ โดยสามารถแบ่งคอลลาเจนออกเป็น 5 ชนิด ดังนี้
Collagen Type I : เป็นคอลลาเจนชนิดที่มีมากที่สุดในร่างกาย เป็นโครงสร้างให้กับผิวหนัง ผนังหลอดเลือด เส้นเอ็น มีความเหนียวและแข็งแรง ช่วยให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นและคงรูปร่างได้ ปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด ในผิวหนังจะมีคอลลาเจนชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียนครับ
Collagen Type II : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบมากในกระดูกอ่อน เช่น กระดูกอ่อนใบหู กระดูกซี่โครง หลอดลม มีหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงกับข้อต่อต่าง ๆ ขณะที่มีการเคลื่อนไหว ดูดซับแรงกระทบไม่ให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ
Collagen Type III : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบได้น้อย ส่วนใหญ่จะทำงานร่วมกับ Collagen Type I พบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด
Collagen Type IV : เป็นคอลลาเจนที่มีความเฉพาะตัว พบใน ชั้นเยื่อรับรองผิว (Basement membrane) ของอวัยวะต่าง ๆ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนสารระหว่างชั้นเนื้อเยื่อ ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
Collagen Type V : เป็นคอลลาเจนชนิดที่อยู่ในเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ เช่น ในกระจกตา ทำงานร่วมกับคอลลาเจนในผิวหนัง ผม เล็บ และพบมากในเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์และรก ช่วยให้เซลล์ผิวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบและการเจริญของเส้นใยในชั้นผิว
คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่พบในร่างกาย แต่อัตราการสร้างคอลลาเจนของมนุษย์จะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยมีการศึกษาพบว่าร่างกายจะสูญเสียคอลลาเจน 1.5% ต่อปีตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี และน้อยลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อคอลลาเจนลดน้อยลง จะแสดงออกมาในรูปแบบของผิวหนังที่เริ่มมีริ้วรอย หย่อนคล้อย แห้งกร้าน ไม่กระชับ หากไม่ได้รับการดูแลจะเริ่มเป็นริ้วรอยร่องลึกได้ครับ
กระบวนการทำงานของ Sculptra
Sculptra คือสารที่มีคุณสมบัติกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ที่ชื่อว่า PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งได้รับการรับรองจาก อย.สหรัฐอเมริกา (US.FDA) ว่ามีความปลอดภัย
Sculptra จะถูกผสมด้วย Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าผิวชั้น Subcutaneous ในช่วง 2-3 วันแรก ผิวบริเวณที่ฉีดจะดูเต็มอิ่มฟูทันทีจากโมเลกุลน้ำที่ฉีด หลังจากนั้นน้ำจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เหลือแต่ผลึกของสาร PLLA ครับ ในช่วงนี้ จะสังเกตได้ว่าจะเห็นร่องริ้วรอยกลับมาได้ครับ
ต่อมา Sculptra จะเข้าสู่กระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผ่านระบบภูมิคุ้มกัน โดยส่งสัญญาณให้ Fibroblast เซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนเข้ามารวมตัวกันและเพิ่มจำนวน จึงเกิดการสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น จากงานวิจัยพบว่า Sculptra สามารถสร้างคอลลาเจนเพิ่มได้มากถึง 66.5% ผิวบริเวณที่ฉีดจึงมีความกระชับ อิ่มฟู และโครงสร้างชั้นผิวแข็งแรงยิ่งขึ้นครับ
เมื่อเวลาผ่านไป Sculptra จะค่อย ๆ สลายจนหมด เหลือเพียงเส้นใยคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นแทน สามารถช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงได้ระยะยาว คงผลลัพธ์เรื่องการยกกระชับและฟื้นฟูผิวได้ประมาณ 2 ปีครับ
Sculptra กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ ตามความหมายในวงการเสริมความงามในประเทศไทย จะหมายถึงสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic acid หรือที่เรียกว่า ไฮยาลูรอนครับ ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องการเก็บกักน้ำ ให้ความชุ่มชื้นกับผิวบริเวณที่ฉีด เติมเต็มจุดต่าง ๆ ของใบหน้าที่มีการยุบตัว ลึกโหล
หลังทำจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเติมเต็มอิ่มฟูได้ทันที ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่น จะคงตัวอยู่ได้นานแตกต่างกัน โดยมีตั้งแต่ 6 – 24 เดือนครับ เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่ม Volume ให้ใบหน้า แก้ไขโครงสร้างใบหน้าที่มีไขมันหรือกระดูกยุบตัว หรือการเติมเต็มเฉพาะจุดครับ
นอกจากนี้ยังมีฟิลเลอร์ skin booster เป็นฟิลเลอร์โมเลกุลเล็ก เนื้อละเอียด ที่ใช้ฉีดทั่วใบหน้า เน้นเรื่องความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และนำมาฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวได้ครับ
ต่างจาก Sculptra ที่เป็นสาร PLLA มีคุณสมบัติกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองตามกระบวนการตามธรรมชาติ ช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงจากภายในและมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน ไม่เน้นการเติมปริมาตรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้เวลาเห็นผลหลังฉีด 3 สัปดาห์ขึ้นไป เห็นผลชัดเจนเมื่อคอลลาเจนสร้างขึ้นได้เต็มที่ประมาณเดือนที่ 3 และคงผลลัพธ์ยาวนานถึง 25 เดือนครับ
Sculptra กับ เมโสหน้าใส ต่างกันอย่างไร ?
เมโสหน้าใส คือการฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวหน้า เพื่อช่วยบำรุง ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาต่างๆ บนผิวหน้า เช่น ลดสิว ลดผื่น ช่วยให้ฝ้า กระ จางลง ลดรอยดำจากสิว ซึ่งมีให้เลือกใช้หลายสูตร ทั้ง มาเด้คอลลาเจน, เมโส Tensonez, เมโส Depigment คุณสมบัติของเมโสหน้าใสแต่ละสูตรขึ้นกับส่วนประกอบในสูตรนั้น ๆ สามารถเลือกใช้ได้ตามปัญหาผิวหน้าของแต่ละคน แต่ผลลัพธ์หลังฉีดเมโสหน้าใสจะอยู่ได้เพียง 2-3 เดือนครับ แนะนำให้ฉีดซ้ำทุก 2-3 สัปดาห์เพื่อคงสภาพ
แต่ Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิด PLLA โดดเด่นในเรื่องการช่วยให้ผิวอิ่มฟู ยกกระชับ และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เป็นวิธีทำให้หน้าใสอีกวิธีหนึ่งที่คงผลลัพธ์ได้นาน สามารถทำควบคู่กับเมโสหน้าใสตามการพิจารณาของแพทย์ได้ครับ
Sculptra กับ Rejuran ต่างกันอย่างไร ?
Rejuran เป็นสารประเภท Polynucleotide (PN) ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมของปลาแซลมอนที่มีลำดับเบสใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ เมื่อ Rejuran เข้าสู่ชั้นผิว จะช่วยกระตุ้นการเจริญและการแบ่งตัวของเซลล์ Fibroblast ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น สร้างเซลล์เนื้อเยื่อใหม่และฟื้นฟูเซลล์ผิวเดิมที่ถูกทำลาย ทำให้ผิวแข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพของเกราะป้องกันผิวหน้า (Skin Barrier) ให้ถูกทำลายได้ยากมากขึ้น รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูลดลง ดูกระจ่างใส รวมถึงการสร้างเนื้อเยื่อใหม่เพื่อเติมเต็มจุดที่เป็นหลุมสิวได้ครับ
ส่วน PLLA ที่เป็นส่วนประกอบหลักของ Sculptra เป็นสารสกัดจากพืช เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและโอกาสแพ้น้อย ไม่ตกค้างในร่างกาย เหมาะกับคนที่ต้องการให้ผิวอิ่มฟู ยกกระชับผิว ลดริ้วรอยร่องลึกครับ
Sculptra กับ Gouri ต่างกันอย่างไร ?
ทั้ง Sculptra และ Gouri ต่างจัดเป็น Collagen biostimulator เช่นเดียวกันครับ แต่ Gouri เป็นสารประเภท PCL ที่อยู่ในรูปของสารละลาย แตกต่างจาก Sculptra ที่เป็นสาร PLLA ที่มาในรูปแบบผงและมีขั้นตอนการนำไปละลายก่อนฉีดครับ
Gouri และ Sculptra เป็นสารที่ช่วยให้ผิวทั่วใบหน้ามีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น ฟื้นฟูผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ดูยกกระชับขึ้นได้เช่นเดียวกัน หากฉีดครบตามคำแนะนำของแพทย์ Sculptra จะคงผลลัพธ์ได้นานกว่าคือประมาณ 2 ปี ส่วน Gouri อยู่ได้ประมาณ 1 ปีครับ
Sculptra กับ Exosome ต่างกันอย่างไร ?
Exosome คือสารชีวโมเลกุลขนาดเล็ก ที่สกัดออกมาได้จากเซลล์ บรรจุ Growth factor, Peptides, Amino Acids, Coenzymes, Hyaluronic Acids และโปรตีนต่าง ๆ ในถุงที่เสมือนเยื่อหุ้มเซลล์ เนื่องจากถุง Exosome นี้มีขนาดเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปมาก จึงสามารถดูดซึมและนำไปใช้ในเซลล์ได้อย่างรวดเร็ว เน้นการกระตุ้นการซ่อมแซมผิวชั้นบน ทำให้ได้ผิวเนียนใส ลดรอยดำ ฝ้า กระ เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพ
ส่วน Sculptra จะเน้นการบำรุงในผิวชั้นลึก ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ ไม่ย้วย และใบหน้าดูอิ่มฟูยกกระชับขึ้นครับ
Sculptra เหมาะกับใคร ?
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น
- เหมาะกับผู้ที่ริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ริ้วรอยจากอายุที่มากขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวภายใน ผิวที่ขาดการดูแลเป็นเวลานาน
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ต้องการผิวแน่นอิ่มฟู
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การฉีดที่ยาวนาน ไม่มีเวลาฉีดบ่อย ๆ เพราะ Sculptra คงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี
Sculptra ช่วยอะไรได้บ้าง ?
- ช่วยฟื้นฟูผิวชั้นลึก ปรับโครงสร้างผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวแข็งแรง
- ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
- ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกให้ดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้ผิวตึงกระชับ เรียบเนียน
- ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส
Sculptra ของแท้ดูยังไง ?
- Sculptra ของแท้ ต้องมีสติกเกอร์โมโนแกรมบนกล่อง ไม่ถูกเปิดออก อยู่ในสภาพสมบูรณ์
- มีลายนูนรูปตัว S บนหน้ากล่อง
- มีเอกสารกำกับภาษาไทยและเลขทะเบียน อย. ติดอยู่ข้างกล่อง
- มี QR code สำหรับสแกนตรวจสอบของแท้ผ่านแอปพลิเคชัน eZTracker ได้
- ตัวยา Sculptra ก่อนผสมจะมีลักษณะเป็นผง (PLLA powder) ไม่มีของเหลว และเป็นสุญญากาศ
ขั้นตอนการฉีด Sculptra
- เข้ารับการตรวจประเมินสภาพผิว สอบถามปัญหาที่กังวล และรับคำปรึกษาจากแพทย์ รวมถึงรับทราบข้อปฏิบัติก่อนและหลังทำ Sculptra
- แปะยาชาในบริเวณที่ฉีด เป็นเวลาประมาณ 45 นาที
- ในขณะที่แปะยาชา แพทย์จะทำการเตรียม Sculptra ให้อยู่ในรูป Active form โดยผสม Sculptra เข้ากับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile water)
- แพทย์ฉีด Sculptra ที่พร้อมใช้แล้วลงใต้ชั้นผิว 1.5-2 เซนติเมตร ด้วยเข็มทู่ขนาด 22-25 G
- เมื่อฉีดเสร็จแล้ว จะมีขั้นตอนการนวดหน้าเพื่อให้ยากระจายตัวไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่ต้องการ
หลังฉีด Sculptra ดูแลตัวอย่างไร ?
- ควรนวดหน้าตามหลัก Triple 5 วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ติดต่อกัน 5 วัน เพื่อช่วยให้ยากระจายตัวได้ทั่วใบหน้า
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การอบซาวน่า การอบไอน้ำ งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม เป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดและแสงยูวีให้มากที่สุด จนกว่าอาการบวมและแดงจะหายเป็นปกติ
- หากต้องการทำหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้า แนะนำเว้นช่วง 2-4 สัปดาห์ครับ
ฉีด Sculptra อันตรายไหม
Sculptra ได้ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิวตั้งแต่ปี 1999 และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (US.FDA) ว่ามีความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่รับรองถึงผลลัพธ์ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้ Sculptra อย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจได้ว่า Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ไม่อันตราย ใช้ได้อย่างปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดีครับ
ข้อควรระวังการฉีด Sculptra
ข้อห้ามในการฉีด Sculptra
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Sculptra ได้แก่ Poly-L-lactic acid (PLLA), Carboxymethylcellulose (CMC) , Non-pyrogenic mannitol
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune, SLE)
- ผู้ที่ใช้ยาในยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเกิดการอักเสบในตำแหน่งที่ทำ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Sculptra
หลังทำ Sculptra อาจมีอาการบวม ปวด มีรอยแดงในบริเวณที่ฉีดได้ จะค่อย ๆ หายได้เองใน 2-3 วันครับ และในบางราย อาจคลำพบก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังในช่วงแรก แนะนำให้นวดบริเวณที่ฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ ก้อนดังกล่าว จะค่อย ๆ หายไปครับ
Q&A : Sculptra
ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีด Sculptra จะเริ่มเห็นผลที่สัปดาห์ที่ 3 และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 3 เดือน คงผลลัพธ์ได้ประมาณ 2 ปี หรือ 25 เดือนครับ
ฉีด sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง ?
ในผู้ที่มีปัญหาผิวไม่มาก แนะนำฉีดครั้งละ 1 ขวด ต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง ระยะเวลาห่างกันครั้งละ 1 เดือน จากนั้นจะคงสภาพผิวได้ประมาณ 2 ปีครับ
หากมีปัญหาผิวมาก หรือในผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป แนะนำฉีดครั้งละ 2 ขวดครับ
ฉีด Sculptra อยู่ได้นานไหม ?
การฉีด Sculptra แนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 2-3 ครั้งในช่วงแรกเพื่อปรับสภาพผิว ให้ผิวได้สร้างคอลลาเจนอย่างเต็มที่ จากนั้นจะอยู่ได้นาน 2 ปีครับ
แต่ถ้ากรณีฉีดครั้งเดียว โดยไม่ได้ฉีดซ้ำ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 2-4 เดือน ครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ Apex Medical Center ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองค่ะ