ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง

ร่องแก้มลึก เป็นจุดที่บ่งบอกถึงอายุผู้หญิงได้อย่างชัดเจน โดยมักจะลึกมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป เนื่องจากการยุบตัวของกระดูก วิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้คือ “ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ”

ในผู้หญิงถ้ามีร่องแก้มลึกมากจะทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย และเป็นบริเวณที่แก้ไขได้ยาก ดังนั้นการฉีดร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ยุบตัวลง จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดครับ

แก้ปัญหาร่องแก้มลึกอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หมอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลเบื้องต้น ว่าการฉีดร่องแก้มเหมาะกับใคร ดีอย่างไร หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร ฉีดกี่วันถึงจะหายบวม และควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ไหนดี ?

อ่านหัวข้ออื่นๆเพิ่มเติม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ดีอย่างไร?

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีข้อดีคือสามารถแก้ปัญหาร่องแก้มลึก ได้อย่างเห็นผลและตรงจุด โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเห็นผลทันที

โดยการฉีดฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic acid) เข้าไปบริเวณร่องแก้มที่มีปัญหา เนื้อฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน แล้วแต่รุ่น และสลายเองได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้าง ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ

4 สาเหตุของการเกิดร่องแก้มลึก และวิธีแก้ไขแต่ละแบบ

ในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ดูเป็นธรรมชาตินั้น หมอที่มีประสบการณ์ต้องประเมินสาเหตุของการเกิดร่องแก้มในแต่ละคน เพื่อแก้ไขร่องแก้มลึกอย่างตรงจุด เช่น ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม โดยตรง หรือฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อช่วยให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น

หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์มากพอ แก้ไขผิดวิธี อาจจะยิ่งทำให้ร่องแก้มลึกกว่าเดิม เป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติครับ ซึ่งการเกิดร่องแก้มลึก มีสาเหตุได้จากหลายปัจจัย หมอแบ่งออกมาเป็น 4 ปัจจัยดังนี้

2.1 เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา

มักพบในคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการยุบตัวของกระดูกทั้งบริเวณใต้ตา และบริเวณร่องแก้มค่อนข้างมาก การยุบของกระดูกใต้ตาทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม ทำให้ร่องแก้มลึก

หากคนไข้มีสาเหตุหลักมาจากกระดูกใต้ตายุบตัวลง และหมอเน้นฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้ร่องแก้มของคนไข้แย่ลงกว่าเดิมได้ เนื้อจะยิ่งกองบริเวณเหนือร่องแก้มเป็นก้อนมากขึ้น หน้าจะดูอูมๆ หน้าอ้วน ดูผิดธรรมชาติ

ควรแก้ที่ต้นเหตุด้วยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาครับ โดยฉีดยกผิวในชั้นกระดูกเพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งหมดขึ้นไปด้านบน จะทำให้เนื้อแก้มที่กองเหนือร่องแก้มเป็นก้อนน้อยลง และร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

2.2 ร่องแก้มลึกที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง

มักพบในคนที่อายุ 20-30 ปี ซึ่งร่องแก้มยังไม่ลึกมาก และกระดูกใต้ตายังยุบตัวลงไม่มาก สามารถแก้ไขด้วยการเติมฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียวได้ครับ

แต่ต้อง ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ลงในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อและต้องฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย ไม่ใช่ฉีดที่ร่องแก้มโดยตรง เพื่อป้องกันการดึงของกล้ามเนื้อที่ใช้ยิ้ม

มิฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน ฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะโดนดึงขึ้นไปกองเป็นเนื้อเหนือร่องแก้มทำให้เป็นก้อน และจะยิ่งทำให้ร่องแก้มลึกขึ้นกว่าเดิมได้ครับ

2.3 ร่องแก้มลึกที่เกิดจากการยิ้มบ่อยๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป

สามารถใช้โบท็อกเทคนิค Dermotoxin แก้ไขได้ แต่ไม่ควรแก้ด้วยโบท็อกทั้ง 100% เพราะจะทำให้การยิ้มดูแข็งๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ควรแก้ด้วยโบท็อกแค่ 50% และที่เหลือแก้ด้วยการเติมฟิลเลอร์เทคนิค Myomodulation จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า

Dermotoxin คือการฉีดโบท็อกปริมาณที่น้อยมากๆ ลงในชั้นผิวหนัง เพื่อให้เส้นใยของกล้ามเนื้อที่มาเกาะกับผิวหนังชั้นบนคลายตัว โดยที่ไม่ทำให้กล้ามเนื้อชั้นล่างคลายไปด้วย เพราะในบางจุดถ้ากล้ามเนื้อคลายตัวมากเกินไป เช่นบริเวณร่องแก้ม ก็จะทำให้การยิ้มดูผิดธรรมชาติยิ้มแข็งๆ ได้

Myomodulation เป็นการใช้ฟิลเลอร์ฉีดหนุน หรือฉีดกดกล้ามเนื้อ จะสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน ไม่แข็งเกินไปทำให้ผลออกมาดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานกว่าโบท็อกซ์

2.4 เกิดจากผิวแห้ง หรือตากแดดบ่อย ชั้นผิวบางลง

จะมีลักษณะเป็นริ้วๆ ตื้นๆ ที่ร่องแก้ม สามารถใช้ฟิลเลอร์เติมความชุ่มชื้นลงในชั้นผิวหนังได้โดยตรง ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กเพื่อให้เรียบเนียนไปกับผิวไม่เป็นก้อน

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม ?

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ไม่อันตรายหากฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ แพทย์มีประสบการณ์มากพอ และฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐานครับ

ในการฉีดฟิลเลอร์สิ่งที่แพทย์ต้องระวัง คือไม่ฉีดโดนเส้นเลือดที่สำคัญและทำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือดครับ ซึ่งถ้าแพทย์มีประสบการณ์มากพอก็จะลดความเสี่ยงในจุดนี้ไปได้

ที่สำคัญอีกข้อคือการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ เพราะการมีปัญหาร่องแก้มลึก เห็นเป็นรอยจนขาดความมั่นใจ ถ้าแก้ไขแล้วออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ ฉีดแล้วเป็นก้อนก็จะยิ่งทำให้เสียความมั่นใจเข้าไปอีก

ดังนั้น หมอที่มีประสบการณ์มากพอ จะต้องประเมินสาเหตุของการเกิดร่องแก้มในแต่ละคน เพื่อการแก้ไขร่องแก้มลึกให้ตรงจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ยี่ห้อไหนดี?

ในการฉีดฟิลเลอร์แต่ละบริเวณ ก็จะเหมาะกับชนิดของฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน สำหรับคนที่อยาก ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้ออ่อน ทนต่อการขยับได้ดีครับ

เนื่องจากผิวชั้นบนบริเวณร่องแก้มแห้งและบางมาก ฟิลเลอร์เนื้ออ่อนจะกระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้เป็นธรรมชาติที่สุดครับ หมอแนะนำเป็นตัว Juvederm ultra plus (12 เดือน) และ Juvederm voluma (18 เดือน)

นอกจากนี้ยังมีฟิลเลอร์ร่องแก้มรุ่นอื่น ๆ ที่หมอแนะนำ ดังนี้

  • Juvederm Volift (12 เดือน) เนื้อนิ่ม ที่มีความละเอียดมาก เหมาะสำหรับคนผิวบาง
  • Juvederm Volux (18-24 เดือน) เนื้อแข็ง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงสวย และคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีดร่องแก้มชั้นลึก
  • Restylane Volyme (12 เดือน) เนื้อนิ่มปานกลาง และความยืดหยุ่นสูงมาก เหมาะกับการฉีดร่องแก้ม
  • Belotero Intense (18 เดือน) เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นดี ช่วยฟื้นฟูและเพิ่ม volume ของชั้นผิว
  • Definisse Restore (12 เดือน) ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความแข็งปานกลาง เหมาะกับการเติมริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยหย่อนคล้อยตามวัย เติมร่องแก้ม ร่องมุมปาก
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องใช้กี่ CC ?

การเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม บางเคสที่อายุเยอะ ๆ (50 ปีขึ้นไป) ปัญหาร่องแก้มลึกเกิดจากหลายปัจจัยครับ จึงต้องใช้ฟิลเลอร์จำนวนหลาย cc (บางเคสใช้ 3-4 cc) และอาจจะต้องทำ Hifu หรือร้อยไหมร่วมด้วย

แต่โดยทั่ว ๆ ไป ถ้าเคสอายุ 30-40 ปี และร่องแก้มไม่ลึกมาก หมอก็จะพิจารณาใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มทั้ง 2 ข้างแค่ประมาณ 1-2 CC ครับ

หมอที่ชำนาญจะวางแผนการรักษาโดยเริ่มแก้ไขที่สาเหตุหลักก่อนตามงบประมาณและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก โดยที่สามารถค่อย ๆ ทยอยทำได้ ไม่จำเป็นต้องแก้ไขทุกสาเหตุในครั้งเดียว ฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัยสามารถเติมเพิ่มได้เรื่อย ๆ ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์หน้าเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มดูแลตัวเองอย่างไร?

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การนวด ในบริเวณที่ทำ หากมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคัน จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
  • อยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เช่น การออกกำลังกายหนัก ๆ เข้าซาวน่า ตากแดดจัด
  • งดเลเซอร์ร้อนลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF (Radio Frequency) Thermage ควรเว้นอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ
  • อย่าขยับหน้าเยอะหรือนวดหน้า หลังฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนที่และไม่เกาะผิวได้
  • ประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ในบางกรณีเท่านั้น หากต้องประคบเย็นไม่ควรกดแรง
  • การดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมออย่างสม่ำเสมอ วันละ 1.5-2 ลิตร เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน ?

สำหรับคนจะมีความกังวลว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน จะเข้าที่เมื่อไหร่ ? ใช้เวลานานไหม ? จริง ๆ แล้วหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะเห็นผลลัพธ์ทันทีครับ ถ้าต้องรีบใช้หน้าก็สามารถใช้ได้เลย อาจมีอาการบวมบ้างจากเข็มหรือตัวยาเป็นเรื่องปกติครับ หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้น ๆ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่ไหนดี ?

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม นอกจากต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง แพทย์ต้องมีประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์ได้ถึงสาเหตุของปัญหาและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องครับ

สำหรับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ได้ดูจากปัจจัยต่อไปนี้

  1. คลินิกเปิดอย่างถูกต้อง ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณะสุข แสดงเลขที่ใบอนุญาตชัดเจน
  2. แพทย์ที่อยู่ประจำคลินิก สามารถนำรายชื่อไปตรวจสอบได้ว่าเป็นแพทย์จริง ๆ ในเว็บไซต์ของแพทยสภา https://checkmd.tmc.or.th/ และมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า
  3. ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของแท้กับบริษัทนำเข้า ก่อนฉีดหมอมีการแกะกล่องใหม่ให้ดูก่อนฉีดทุกครั้ง
  4. มีการนัดติดตามผลหลังทำทุกเคส และมีช่องทางติดต่อที่สะดวก สามารถสอบถามหรือปรึกษากับแพทย์ได้โดยตรง เช่น เบอร์โทร Line@ Facebook messenger

รีวิว ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ก่อนตัดสินใจ ควรดูรีวิว ฟิลเลอร์ร่องแก้ม จากผู้ใช้บริการจริงในแหล่งที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ออกมาตามที่ต้องการครับ

สำหรับคนที่ยังลังเลว่าจะ ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ดีไหม สามารถปรึกษาหมอทางออนไลน์ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ หมอจะช่วยวิเคราะห์และประเมินปัญหาให้ในเบื่องต้นให้ครับ

เอกสารอ้างอิง
1. Holger G. Gassner, MD; Amir Rafii, MD; Alison Young, MD, PhD; Craig Murakami, MD; Kris S. Moe, MD; Wayne F. Larrabee Jr, MD. 2008. Surgical Anatomy of the Face. แหล่งข้อมูล:https://jamanetwork.com/journals/jamafacialplasticsurgery/articlepdf/480585/qoa70048_9_19.pdf 

2. de Maio M. Aesthetic Plast Surg 2018. Myomodulation with Injectable Fillers: An Innovative Approach to Addressing Facial Muscle Movement.. แหล่งข้อมูล:https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK482440/

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ Apex Medical Center ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองค่ะ