การดูแลผิวหน้าเป็นสิ่งสำคัญในทุกวัย แต่เมื่อคุณเข้าสู่วัย 30 ปีขึ้นไป การดูแลผิวหน้ากลับมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ผิวของคุณอาจเริ่มแสดงอาการของการเสื่อมสภาพ เช่น ริ้วรอย ผิวหย่อน และสภาพผิวที่ไม่มีความกระชับเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องห่วงเลยอีกต่อไป! เพราะวันนี้เพ็กซี่มีเคล็ดลับและวิธีการที่ช่วยให้คุณสามารถรักษาผิวหน้าในวัย 30 ปีขึ้นไปให้ดูอ่อนเยาว์และสดใส และ Radiesse ที่เป็นสารเติมเต็มกระตุ้นคอลลาเจนตัวใหม่ เป็นส่วนสำคัญในการย้อนอายุผิวหน้าของคุณได้ ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นยังไง ไปอ่านกันได้เลยค่ะ
ปัญหาผิวของวัย 30 ปีขึ้นไป
30+ พอเข้าสู่เลข 3 ปัญหาในชั้นผิวหนังแท้เริ่มมีมากขึ้นเพราะคอลลาเจน และ อิลาสตินถูกทำลายมากขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับผิวชั้นนอกสุดหรือชั้นหนังกำพร้ามีการผลัดตัวช้าลง ทำให้ผิวดูหยาบกร้านมากยิ่งขึ้น จึงเริ่มเห็นริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้ชัดเจนขึ้น
มาถึงวัย 40 ชั้นผิวเริ่มอ่อนแอมากขึ้น ปัญหาผิวได้ลงลึกไปถึงชั้นไขมันโดยมีการเสื่อมสลายไป ไม่หนาแน่นเหมือนในวัยเด็ก ทำให้ผิวเกิดการยุบตัว หรือที่เราบอกว่า Baby Fat หายไป นอกจากนี้ SMAS หรือ เนื้อเยื่อพังผืดที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันและกล้ามเนื้อ ซึ่งทำหน้าที่โอบอุ้มผิวให้มีความกระชับได้รูป เริ่มเสื่อมสภาพและอ่อนแรง ทำให้การพยุงผิวแย่ลง รูปหน้าจึงเริ่มหย่อนคล้อย
50+ พอเข้าสู่วัยนี้ ปัญหาผิวได้ลงลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ริ้วรอยยิ่งลึก ผิวหนังเริ่มบางลง รูปหน้าเริ่มเปลี่ยน เพราะมีการหย่อนคล้อยมาก โครงสร้างของใบหน้าอย่างกระดูกเกิดการยุบตัวลงตามธรรมชาติ ทำให้บางคนเกิดมีรูปหน้าไม่สมส่วน บางส่วนดูตอบ หรือดูบุ๋มลงไป
เคล็ดลับหน้าเด็กที่เริ่มได้ด้วยตัวเอง
การดูแลตัวเอง เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยรักษาผิวให้มีสุขภาพดี ทำให้หน้าเด็กและอ่อนกว่าวัย หมอมี 7 วิธี การดูแลตัวเองง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันมาแนะนำ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
สำหรับคนที่อยากให้หน้าเด็กลง การรับประทานอาหารเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำได้ง่ายมากๆ ค่ะ ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ ไขมันดีต่างๆ โอเมก้า 3 วิตามินที่ออกฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (กลุ่มวิตามินเอ อี ซี) และการรับประทานน้ำเปล่าอย่างเพียงพอในแต่ละวัน
5 อาหารชะลอวัย อยากหน้าเด็ก ต้องกินอะไรบ้าง?
- ผักใบเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและไม่มีไขมัน ในผักใบเขียวจะมีสารพฤกษเคมีที่ช่วยป้องกันมะเร็ง มีกากใยสูง เหมาะกับการทานเพื่อช่วยลดน้ำหนัก ช่วยชะลอวัย และลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
- ผลไม้ตระกูลเบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี แบล็กเบอรี ราสป์เบอร์รี และแครนเบอร์รี ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์แข็งแรง
- โอเมก้า 3 เป็นสารอาหารที่ร่างกายขาดไม่ได้ แต่ไม่สามารถสร้างเองได้ครับ จึงต้องได้รับจากอาหารที่ทาน เช่น ปลาน้ำลึก อาหารทะเล งาดำ และรำข้าว ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ยืดอายุขัยและชะลอความชรา
- ธัญพืชประเภทถั่ว ประกอบไปด้วยวิตามินหลากหลาย และยังมีธาตุเหล็ก วิตามินบี โพแทสเซียม ไขมันอิ่มตัว สารต้านอนุมูลอิสระ และไขมันในถั่วเป็นไขมันดี (Monounsaturated Fat and Polyunsaturated Fat) ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
- หอมและกระเทียม มีสารเควอซิติน (Quercetin) ที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และ Allicin สารอัลลิซิน ซึ่งช่วยต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้หน้าเด็กได้ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นจะทำให้การไหลเวียนของเลือดเสื่อมประสิทธิภาพลง ทำให้ผิวไม่เปล่งปลั่ง การออกกำลังกายจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เลือดสูบฉีด และกระตุ้นการเผาผลาญ แต่ก็ควรออกกำลังกายอย่างพอดี เช่น คาร์ดิโอ และอย่าหักโหมมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ร่างกายรับภาระหนักและทำให้ใบหน้าดูโทรมได้เช่นกันค่ะ
สกินแคร์บำรุงผิวหน้า
ถ้าอยากหน้าเด็ก มีหลักการดูแลผิว 3 ข้อ ที่สำคัญครับ คือ ทำความสะอาด ดูแล ป้องกัน ซึ่งในการเลือกผลิตภัณฑ์ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเองเพื่อประโยชน์สูงสุดโดยเฉพาะค่ะ
- การทำความสะอาดผิว ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคือง
- การบำรุง ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว และเลือกครีมที่ให้ความชุ่มชื้นเพียงพอ มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ, โคเอนไซม์คิวเท็น หรือสารต้านอนุมูลอิสระ และต้องทาเป็นประจำสม่ำเสมอ
- การปกป้องผิว แสงแดดเป็นตัวการทำร้ายเซลล์ผิวที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารป้องกันทั้งรังสี UVA UVB มี SPF มากกว่า 30 และ มีค่า PA +++ ขึ้นไป
พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า มีรอยหมองคล้ำบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา นอกจากนี้ยังทำให้ผิวหย่อนคล้อย เริ่มมีริ้วรอย ดูแก่กว่าอายุ เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ อย่างเพียงพอ ดังนั้นถ้าอยากรักษาให้หน้าเด็กอ่อนเยาว์ เวลาที่เหมาะสมในการนอนหลับคือ 4 ทุ่ม หรือไม่เกินตี 2 เพราะร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นตัวเสริมสร้างโปรตีนและคอลลาเจนใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้อ รวมถึงหลั่งสารต้านอนุมูลอิสระ
เคล็ดลับหน้าเด็กแบบเร่งด่วนด้วยวิธีทางการแพทย์
สำหรับใครที่คิดว่าการดูแลตัวเองแบบทั่วๆ ไปไม่เพียงพอ เพ็กซี่มีตัวช่วยตัวใหม่จะมาแนะนำ วิธีที่ช่วยให้หน้าดูเด็กลงโดยการพึ่งพาเทคโนโลยี ซึ่งที่จะมาแนะนำก็คือ Radiesse ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอยที่เป็นจุดบ่งบอกอายุได้อย่างรวดเร็วและจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีกว่าและชัดเจนกว่าทาครีมทั่วไปค่ะ
RADIESSE® เป็นสารเติมเต็มกระตุ้นที่ใช้สำหรับเสริมความยืดหยุ่นและลดริ้วรอยในผิวหน้า มันประกอบด้วยสารที่มีแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ หรือ ‘คาห้า’ (CaHA: Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการอนุมัติจาก FDA ในการปรับปรุงความเยื้องยืดของผิว การฉีด RADIESSE® จะช่วยให้ผิวดูดีขึ้นทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ผลิตภัณฑ์นี้มีความยืดหยุ่นดีและมีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย, ปรับรูปหน้า, และยกกระชับผิวหน้า
ย้อนผิวปังครั้งเดียวจบ! ข้อดีของ RADIESSE®
- Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติผู้ใช้บริการจึงไม่ต้องกลัวว่า Radiesse จะเกิดการตกค้างหลงเหลืออยู่บริเวณใต้ชั้นผิวหนัง
- Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้เนื่องจากได้รับการรับรองความน่าเชื่อถือจาก อย. ถึงกว่า 3 หน่วยงาน ทั้ง EU,US และ TH FDA และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ US FDA
- Radiesse ยังถูกใช้งานโดยแพทย์ทั่วโลกมาแล้วนานกว่า 20 ปี และมีผลงานวิจัยรองรับในตัวผลิตภัณฑ์ Radiesse ถึงมากกว่า 250 ฉบับ ทั้งยังได้รับความนิยมจากทั่วทั้งโลกการันตีจากยอดใช้ 15 ล้านไซริงจากการใช้งานทั่วทั้งโลก
- Radiesse ใช้ฉีดบริเวณใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face) และใบหน้าส่วนล่าง (Lower Face) ร่วมทั้งส่วนอื่นๆ เช่น มือ หรือเนินอก โดยทำการรักษาโดยประมาณต่อหนึ่งครั้งประมาณ 30 นาทีถึง 60 นาทีขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา
จุดเด่นของ RADIESSE®
- Radiesse ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้งาน เนื่องจาก Radiesse มาในรูปแบบเจลที่อยู่ในสภาพพร้อมฉีด (Pre-filled syringe)
- Radiesse ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมียอดขายกว่า 15 ล้านไซริงค์ทั่วทั้งโลก
- Radiesse มีความปลอดภัยสูงมั่นใจได้ เนื่องจากแพทย์ทั่วโลกใช้ Radiesse ในการรักษากันมากนานกว่า 20 ปี ทั้งยังมีงานวิจัยรองรับอีกกว่า 250 ฉบับ
- Radiesse วางใจได้เนื่องจาก Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการการันตี ถึง 3 อย. EU US และ TH FDA ทั้งยังได้ อย. ในด้านการฉีดมือโดยเฉพาะอีกด้วย
- Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความชอบและความถูกใจจากผู้ใช้งานจริงถึง 90% จากผลสำรวจหลังการใช้ 1 ปี
คุณสมบัติเด่นของ RADIESSE®
- Strong Structural Skin เสริมความแข็งแรงถึงชุดโครงสร้างรอบเซลล์ผิว พร้อมเติมเต็มให้ผิวอิ่มฟู เป็นธรรมชาติ
- Profound Rejuvenation ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในเนื้อเยื่อผิวหนังให้ยืดหยุ่น กระชับ ลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อยจากมลภาวะและความชรา
- Cell Regenerative Stimulation กระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ใต้ผิวให้เต็มฟู กระจ่างใสและมีสุขภาพดี
บริเวณที่ควรทำการรักษาด้วย RADIESSE®
- Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ริ้วรอยตื้นๆ บริเวณ ใบหน้า
- Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณ หลังมือ
- Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาในการปรับรูปหน้าให้ดูยกกระชับมากขึ้น
- Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาเรื่องความเหี่ยวย่นบริเวณ คอ เนินอกสำหรับผู้หญิง
- Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหารอยแผลเป็น ร่อง หรือหลุม ที่เกิดจากปัญหาผิว เช่นสิว
- Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาร่องแก้มลึก หรือลดร่องน้ำหมาก
- Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาริ้วรอย ที่อยู่เหนือบริเวณเหนือริมฝีปากบน
RADIESSE® กับ Sculptra ต่างกันอย่างไร?
RADIESSE® สารเติมเต็มที่ใช้สำหรับเสริมความยืดหยุ่นและลดริ้วรอยในผิวหน้า มันประกอบด้วยสารที่เรียกว่า Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการอนุมัติจาก FDA เพื่อสร้างผลลัพธ์ทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาวนานประมาณกว่า 2 ปี
Sculptra เป็นสารเติมเต็มที่ใช้สาร poly-L-lactic acid (PLLA) เป็นส่วนประกอบหลัก โดย Sculptra ไม่ให้ผลลัพธ์ทันทีเหมือน RADIESSE® แต่มันทำงานโดยกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ของ Sculptra จะเห็นได้ช้ากว่าแต่มีความทนทานและยืดหยุ่นมากยาวนานมากถึง 2 ปี
การดูแลตัวเองก่อนฉีด RADIESSE®
- ก่อนทำ Radiesse ควรงดการรับประทานยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด จำพวกยากลุ่ม NSAIDs หรือแอสไพริน หรืออาหารเสริมจำพวกกิงโกะ
- ก่อนทำ Radiesse ควรแจ้งประวัติให้แพทย์ทราบโดยละเอียดว่ามีอาการแพ้อะไรหรือไม่
- ก่อนทำ Radiesse ควรงดสคลับผิว หรือใช้ยารวมทั้งครีมผลัดเซลล์ผิว เพื่อป้องกันการเกิดการอักเสบ หลังจากทำก่อนทำ Radiesse
การดูแลตัวเองหลังทำการฉีด RADIESSE®
- หลังทำการฉีด Radiesse ควรลดกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังหรือต้องออกแรงมากๆ
- หลังทำการฉีด Radiesse ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดหรือการโดนความร้อนเป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมงหลังการรักษา
- หลังทำการฉีด Radiesse จะมีรอยแดงหรืออาการบวม ไม่ควรออกแรงหรือโดนความร้อนในบริเวณนั้นจนกว่ารอยแดงและอาการบวมดังกล่าวจะหายไป
RADIESSE® คงผลลัพธ์อยู่ใต้ผิวได้นานเท่า?
Radiesse สามารถคงผลลัพธ์ใต้ผิวได้นาน 2 ปี หรือนานกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และร่างกายของแต่ละบุคคล
RADIESSE® เห็นผลลัพธ์หลังฉีดเมื่อใด?
หลังฉีด Radiesse จะเห็นผลหลังฉีดเรื่องริ้วรอยทันทีหลังทำ เนื่องจากปริมาณ เนื้อของตัวยาที่ทำการฉีดเข้าไป แต่ตัวยาจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใต้ผิวในระยะยาว
RADIESSE® เหมาะกับใคร
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น สุขภาพผิวไม่ดี ขาดการบำรุง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สภาพผิวแย่กว่าอายุที่ควรจะเป็น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
- ผู้ที่มีผิวหนังขาดความชุ่มชื้น หมองคล้ำ
- ผู้ที่มีใบหน้าขาดวอลุ่ม เช่น ใต้ตาโหลลึก ขมับตอบ
- ใครก็ตามที่มีร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นรอบปาก
- ผู้ที่มีผิวขาดวอลุ่ม จากการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนตามร่างกาย เช่น หลังมือ และขมับ
ใครบ้างไม่เหมาะกับการฉีด RADIESSE® ?
Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีโรคเลือดออกง่าย
Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่แพ้ส่วนประกอบใดๆ ของผลิตภัณฑ์
Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง
ข้อควรระวังในการใช้ RADIESSE® มีอะไรบ้าง?
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีด สิวเป็นหนอง หรือเป็นแผลควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด Radiesse
- หากต้องการฉีด Radiesse บริเวณริมฝีปากและบริเวณรอบดวงตาควรปรึกษาแพทย์ตามความเหมาะสมและควรใช้บริการแพทย์ที่มีฝีมือในการทำการฉีด
- หากผู้เข้ารับบริการมีความจำเป็นต้องทำ X-rays หรือ CT Scans ควรแจ้งแพทย์ที่ทำการดูแลว่าได้รับการบริการ Radiesse มา
- หากมีประวัติของโรคเริมควรแจ้งแพทย์ผู้เกี่ยวข้องการทำการฉีด Radiesse
- หากผู้เข้ารับบริการกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาจำพวกก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด อาทิ แอสไพริน วาร์ฟาริน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำหลังทำการฉีด Radiesse ได้ควรรับแจ้งแพทย์ให้ทราบ
- หากมีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน
การดูแลผิวหน้าในวัย 30+ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเป็นผิวที่คอลลาเจนผลิตได้น้อยลง ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนเหมือนแต่กิน นอกจากจะดูแลด้วย Routine ของตัวเองแล้วอย่างการดูแลผิวด้วยครีมบำรุง หรือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว อีกหนึ่งเคล็ดลับที่เพ็กซี่อยากจะแนะนำให้ฉีด RADIESSE® เป็นอีกหนึ่งตัวที่ช่วยบำรุงผิวย้อนอายุผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และสดใส เพื่อให้ผิวหน้าสวยงามและมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นค่ะ
สนใจนัดจองคิวหรือปรึกษาเพิ่มเติม ทักก่อนสวยก่อนใครได้ที่ ✨✨
📞 085-0000855
🟣 Line OA : @apexlifting (มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)
🟣 คลิก https://lin.ee/nxtKNtl
🟣 Facebook : Apex Profound Beauty
🟣 Inbox : https://www.facebook.com/ApexProfoundBeauty/inbox
🟣 IG : apexbeauty
APEX ของเรามีพร้อมทั้งเครื่องมือที่ทันสมัยและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการนะคะ
#Apex #apexmedicalcenter #เอเพ็กซ์ #เอเพ็กเมดิคอลเซ็นเตอร์ #เสริมความงาม #คลินิกฉีดผิว #RADIESSE #RADIESSEที่แรกในไทย #RADIESSEต้องAPEX #RADIESSEต้องเอเพ็กซ์ #RADIESSE คืออะไร # biostimulator #ความอ่อนเยาว์ที่แท้จริง #ผิวกระชับ #ริ้วรอย #ความอ่อนเยาว์ #ผิวเด็ก #คอลลาเจน #ลดริ้วรอย #มือเหี่ยว #ความเหี่ยวย่น #ผิวแห้ง #ผิวหย่อนคล้อย #รูขุมขนกว้าง #ร่องแก้ม
#Apex #apexmedicalcenter #เอเพ็กซ์ #เอเพ็กเมดิคอลเซ็นเตอร์ #เสริมความงาม #คลินิกฉีดผิว #RADIESSE #RADIESSEที่แรกในไทย #RADIESSEต้องAPEX #RADIESSEต้องเอเพ็กซ์ #RADIESSE คืออะไร # biostimulator #ความอ่อนเยาว์ที่แท้จริง #ผิวกระชับ #ริ้วรอย #ความอ่อนเยาว์ #ผิวเด็ก #คอลลาเจน #ลดริ้วรอย #มือเหี่ยว #ความเหี่ยวย่น #ผิวแห้ง #ผิวหย่อนคล้อย #รูขุมขนกว้าง #ร่องแก้ม