เสริมหน้าอกไปแล้ว อยากให้หน้าอกทรงสวยตลอดไป ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

ศัลยกรรมเสริมหน้าอก นับว่าเป็นเรื่องปกติมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากการเสริมหน้าอกช่วยส่งเสริมบุคลิคภายนอกของผู้หญิงอย่างเราๆ ให้มีสรีระภายนอกที่ดูดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการเสริมหน้าอกยังช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของหน้าอกหย่อนคล้อยได้อีกเช่นกัน แต่รู้หรือไม่ว่าเสริมหน้าอกมาแล้วอาจจะยังไม่จบ เนื่องจากผลลัพธ์ที่คนเสริมหน้าอกอยากให้ทรงหน้าอกดูเป็นรูปทรงที่สวยงามอยู่กับเราไปตลอดนั้น จะต้องมีวิธีดูแลตัวเองในเรื่องไหนบ้าง บอกเลยว่าสาวๆ คนไหนที่เสริมหน้าอกมาแล้วห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเรื่องราวที่เราจะมาบอกต่อกันดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเสริมหน้าอกไปแล้ว อยากให้ทรงหน้าอกสวยตลอดไปต้องมีวิธีปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง ถ้าอยากรู้กันแล้วว่าข้อควรปฏิบัติที่ Apex Medical Center จะมาบอกให้กับสาวๆ ได้รู้มีวิธีการรับมืออย่างไรบ้าง ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ

การดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอก ให้ทรงสวยตลอดไป

ในช่วงสัปดาห์แรกหลังเสริมหน้าอก จะต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ เช่น รับประทานยาให้ที่ศัลยแพทย์จ่ายให้ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจเกิดอาการเลือดคลั่งจากยาชนิดที่เราไม่สามารถรู้ได้ งดแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้แผลผ่าตัดมีเลือดซึม และเลือดไม่หยุดไหล อีกทั้งในระยะเวลาหลังเสริมหน้าอกครบ 1 เดือน แนะนำให้ใครบราชนิดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่เสริมหน้าอกโดยเฉพาะ คือไม่มีโครงเหล็กด้านใน เนื่องจากเราต้องหลีกเลี่ยงการถูกกดทับบริเวณหน้าอก และช่วยให้หน้าอกเข้าที่ ลดการเคลื่อนไหวในระยะแรกไปก่อน

เสริมหน้าอกให้ปลอดภัย ต้องเลือกเสริมหน้าอกกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ที่ Apex Medical Center เรามีทีมแพทย์ดูแลเฉพาะเรื่องของการเสริมหน้าอกโดยตรง เพราะแน่นอนว่าการเสริมหน้าอกเป็นการทำศัลยกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องมีการวิเคราะห์และประเมินออกแบบหน้าอกให้เหมาะสมกับสรีระของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเลือกไซซ์ขนาดซิลิโคนให้เหมาะสมเฉพาะบุคคล หรือแม้แต่กระทั่งเทคนิคการวางซิลิโคนของศัลยแพทยื เพื่อให้หน้าอกมีรูปทรงที่สวย เป็นธรรมชาติ เหมาะกับองค์ประกอบโดยรวมของร่างกายเรามากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น

ในการวางซิลิโคนให้เหมาะสมกับตำแหน่งของหน้าอกเดิมนั้นมีผลต่อการเสริมหน้าอกเป็นอย่างมาก โดยตำแหน่งของซิลิโคนจะมีการวาง 2 แบบด้วยกันคือ ใต้กล้ามเนื้อ และเหนือกล้ามเนื้อ ยกตัวอย่างเช่น การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อจะเหมาะกับผู้หญิงที่มีเนื้อหน้าอกเดิมน้อย ซึ่งกระบวนการผ่าตัดนั้นศัลยแพทย์จะวางซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อเพื่อให้เนื้อหน้าอกเดิมมาคลุมตัวซิลิโคนเพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเกิดการเคลื่อนไหวจนหลุดบล็อก และป้องกันการแข็งของซิลิโคนหน้าอกนั่นเองค่ะ ส่วนการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อนั้นจะเหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีเนื้อหน้าอกอยู่บ้าง ซึ่งทั้งนี้กระบวนการผ่าตัดอาจขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นๆ ว่าแต่ละคนเหมาะสมกับการวางซิลิโคนไว้ในรูปแบบไหน

หน้าอกที่รูปทรงสวย ต้องเลือกขนาดซิลิโคนให้เข้ากับสรีระ

บางคนอาจคิดว่าเสริมหน้าอกทั้งทีก็ทำใหญ่ไว้ก่อน จะได้ไม่เสียใจทีหลัง แต่บอกเลยว่าด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้เทรนด์การเสริมหน้าอก 2023 ก็ได้ปรับเปลี่ยนตามไปด้วย นั่นก็คือการเสริมหน้าอกเข้ากับสรีระ หรือเสริมหน้าอกให้พอดีตัวนั่นเองค่ะ โดยข้อดีของการเสริมหน้าอกเข้ากับสรีระ คือ ช่วยให้หน้าอกมีความเป็นธรรมชาติ แต่งตัวลุคไหนก็ไม่โป๊ อีกทั้งยังช่วยให้ลดการเกิดพังผืดบริเวณโดยรอบซิลิโคน ลดการหย่อนคล้อยของหน้าอกที่ดูคล้อยมากกว่าปกติ ไม่เสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกลาย และเห็นเป็นคลื่นของซิลิโคน อีกทั้งยังช่วยลดการหย่อนคล้อยของหน้าอกที่ดูคล้อยมากกว่าปกติ เพราะด้วยน้ำหนักของซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่ จะทำให้หน้าอกของเราหย่อนคล้อยเกินไป ไม่กระชับ ดังนั้นการเสริมหน้าอกให้พอดีตัว นอกจากจะทำให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้แล้ว ยังช่วยเสริมให้เข้ากับสรีระของเราได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการเสริมหน้าอก

งดอาหาร และเครื่องดื่มทุกชนิด ก่อนเข้ารับการเสริมหน้าอกอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจทำให้อาหาร และเครื่องดื่มสำลักเข้าหลอดลม เนื่องจากการเสริมหน้าอกเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ยาสลบ
งดสูบบุหรี่ก่อนเสริมหน้าอกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากบุหรี่มีสารนิโคติน สามารถซึมผ่านทางเนื้อเยื่อของผิวหนังเข้าสู่ภายในร่างกาย และออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินของเส้นเลือด ทำให้เลือดเกิดการไหลเวียนไปยังบริเวณที่ทำการผ่าตัดมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการบวม และมีความเสี่ยงในการอักเสบ หรือติดเชื่อเพิ่มมากขึ้น
งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเสริมหน้าอกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไปเช่นเดียวกับการงดสูบบุหรี่ เพราะแอลกอฮอล์จะเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้กระจายไปทั่วร่างกาย และทำให้เลือดหยุดไหลช้ากว่าปกติ
งดรับประทานวิตามิน อาหารเสริม และกลุ่มยาประเภทแอสไพริน 1-2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก เนื่องจากกลุ่มยาประเภทนี้จะส่งผลทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มในการเกิดภาวะเลือดไหลเยอะกว่าปกติ
ผู้ที่ทาเล็บ และไว้เล็บยาว ควรทำความสะอาดเล็บก่อนเสริมหน้าอกให้ดีที่สุด เนื่องจากศัลยแพทย์จะทำการวัดค่าออกซิเจนจากปลายนิ้ว เพื่อสังเกตอาการในระหว่างผ่าตัด
ชำระล้างร่างกายให้สะอาดได้มากที่สุดเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการเสริมหน้าอก
แจ้งประวัติการแพ้ยาก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก
ในวันผ่าตัดจำเป็นต้องนำบุคคลสนิทมาด้วย เนื่องจากป้องกันอุบัติเหตุ และช่วยดูแลระหว่างหลังเข้ารับการเสริมหน้าอก

ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับการเสริมหน้าอก

ทานยาตามที่แพทย์จัดให้อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังเข้ารับการเสริมหน้าอก และช่วยทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น
งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1- 2 เดือนขึ้นไป เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าอกเกิดการอักเสบ และติดเชื้อ
งดการเล่นกีฬา และออกกำลังกายที่ส่งผลทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อหน้าอกอย่างน้อย 2 เดือนขึ้นไป หรือจนกว่าหน้าอกจะหายดี
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสจัด และควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนที่ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เป็นต้น
ควรมาตามนัดหลังจากศัลยแพทย์นัดประเมินอาการหลังการเสริมหน้าอกทุกครั้ง เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของคนไข้เอง เพราะถ้าหากมีปัญหาศัลยแพทย์จะได้ทำการแก้ไขได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัยที่สุด

สุดท้ายนี้หากใครคิดจะเสริมหน้าอก ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และความไว้วางใจของศูนย์ความงามนั้นๆ ก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด เพราะการเสริมหน้าอก เป็นการทำศัลยกรรมที่อยู่กับเราไปได้อย่างยาวนาน เราจึงควรต้องศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียด และถี่ถ้วน และถ้าหากใครที่กำลังศึกษาหาข้อมูลอยู่ว่า เสริมหน้าอก 2023 เสริมหน้าอกที่ไหนดี Apex Medical Center ขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้สาวๆ ที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเสริมหน้าอกอยู่ ไว้เป็นทางเลือกดีๆเพราะเรามีทีมศัลยแพทย์ที่ดูแลเฉพาะทางโดยตรง อีกทั้งตลอดระยะเวลาการผ่าตัด ยังมีแพทย์วิสัญญีเฉพาะทางควบคุมตลอดระยะเวลาการผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจาก เราคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก ดังนั้นระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัดจึงจำเป็นต้องมีวิสัญญีแพทย์ดูแลตั้งแต่ก่อนเข้ารับการผ่าตัดทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเพื่อประเมินปริมาณยาระงับความรู้สึกในขณะผ่าตัดว่าควรใช้มากน้อยเพียงใด อีกทั้งตลอดเวลาในห้องผ่าตัด วิสัญญีแพทย์จะคอยเฝ้าสังเกตอาการทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นตรวจเช็คคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความดันโลหิต และเช็คระดับออกซิเจนเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวคนไข้ในระหว่างที่ได้ทำศัลยกรรมที่ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน เช่น เสริมหน้าอก ดูดไขมัน ดึงหน้า เป็นต้นค่ะ